ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันไม่ลดลงแม้โควิดระบาดรอบ 2

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันจะไม่ลดลงแรง แม้จะมีการระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 ใช้แผนปรับประสิทธิภาพ เชื่อมั่นแข่งขันได้ไม่ว่าธุรกิจจะผันผวน ชี้ลดราคาหน้าโรงกลั่น กระทบไม่มากนัก พร้อมศึกษาแผนต่อยอด CFP เสร็จสิ้นต้นปีหน้า พร้อมร่วมทุนทุกกลุ่มทุน และเล็งขยายธุรกิจไฟฟ้าด้วยตนเอง 


นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)  คาดว่า ราคาน้ำมันจนถึงสิ้นปีจะอยู่ในระดับประมาณ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากที่เคยต่ำสุดเพียงกว่า 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงทั่วโลกล็อกดาวน์จากการป้องกันโควิด-19 ส่วนการที่พบการระบาดระลอกที่ 2 หลายประเทศ ก็เชื่อมั่นจะไม่ทำให้ราคาน้ำมันตกต่ำเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ความต้องการใช้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน เช่น โอเปกพลัส ก็ยังคงจับมือในการลดกำลังผลิตเพื่อดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมัน โดยปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และคูเวตยังอาสาที่จะลดกำลังผลิตที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน, 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 0.08 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ในเดือนมิถุนายน 2563 นอกเหนือจากข้อตกลงที่ให้ไว้

ในส่วนของไทยออยล์ นับเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถปรับระบบการการกลั่นการจำหน่าย จึงเชื่อมั่นว่าจะดำเนินการไปได้ด้วยดีไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด โดยใช้แนวคิด LAST MAN STANDING ทั้งปรับโรงกลั่นให้ยืดหยุ่น ปรับการตลาด เพิ่มประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนและบริหารความเสี่ยง ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติขอความต้องการใช้โรงกลั่นได้ลดกำลังกลั่นเพียงเล็กน้อยเหลือร้อยละ 95 คาดว่าทั้งปีกำลั่งกลั่นเฉลี่ยจะประมาณร้อยละ 100 


ส่วนกรณีกระทรวงพลังงานให้ลดราคาหน้าโรงกลั่น 50 สตางค์ต่อลิตรนั้น ก็กระทบบ้าง แต่เนื่องจากตลาดน้ำมันเป็นกลไกเสรี แต่ละโรงกลั่นจะมีวิธิการบริหารและการขายที่แตกต่างกัน ราคาหน้าโรงกลั่นก็จะแตกต่างกัน  ผลกระทบก็จะไม่มากนัก  

ทั้งนี้ จากที่ไทยออยล์ออกหุ้นกู้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ก็จะเห็นได้ว่า เกิดจากนักลงทุนทั่วโลกมั่นใจในไทยออยล์ โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่นำไปใช้ในโครงการพลังงานสะอาด (CFP ) และเมื่อรวมกับวงเงินที่มีอยู่เดิมประมาณ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ปัจจุบันมีวงเงินรวม 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ลงทุนถึงปี 2564 ทำให้ปีนี้ไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อรองรับการลงทุน แต่อาจจะพิจารณาเรื่องการรีไฟแนนซ์ หรือซื้อหุ้นกู้คืนหากเห็นว่าตลาดมีความเหมาะสม โดยการออกหุ้นกู้รอบล่าสุดครั้งนี้ส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ประมาณร้อยละ4

สำหรับโครงการ CFP มูลค่าลงทุน 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายกำลังการกลั่น  400,000 บาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบัน 275,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเสร็จปี 2566 และขณะนี้กำลังศึกษาโครงการต่อยอดเพื่อนำวัตถุดิบไปผลิตปิโตรเคมีร่วมกับกลุ่ม ปตท. เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต ซึ่งจะศึกษาเสร็จต้นปี 2564 


“หลังจาก CFP โรงกลั่นฯ จะใหญ่ขึ้นอีกร้อยละ 40 จึงร่วมกับกลุ่ม ปตท. เพื่อศึกษาเรื่องลงทุนปิโตรเคมีให้มี Value Chain ที่ยาวขึ้นในลักณะเป็น world scale เช่น สายโอเลฟินส์ กำลังผลิต PE 1.2 ล้านตัน/ปี สายอะโรเมติกส์ กำลังผลิต PX 1.5 ล้านปี แต่ต้องยอบรับว่าวัตถุดิบของไทยออยล์จะไม่เพียงพอ เราก็ต้องหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนด้วย ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม ปตท. หรือกลุ่มอื่น ๆ” นายวิรัตน์ กล่าว  

ส่วนระยะยาวไทยออยล์ตั้งเป้าหมาย 10 ปี (2563-2573) บริษัทกำหนดเป้าหมายตามแผนเดิมที่จะมีกำไรสุทธิแตะระดับ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้โครงการ CFP ที่แล้วเสร็จ กระจายพอร์ตรายได้และกำไรให้หลากหลายขึ้นเป็นธุรกิจปิโตรเลียม ร้อยละ 40, ปิโตรเคมี ร้อยละ40, ไฟฟ้า ร้อยละ 15 และอื่น ๆ ร้อยละ 5 เมื่อเทียบปัจจุบันที่มีสัดส่วนกำไร จากธุรกิจกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ร้อยละ 70-80% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอะโรเมติกส์และโรงไฟฟ้า โดยพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าส่วนใหญ่ในปัจจุบันมาจากการถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมใน บมจ.โกลบอลเพาเวอร์ซินเนอร์ยี (GPSC) ประมาณร้อยละ 25 แต่ในอนาคตเห็นว่า GPSC อาจจะเติบโตเร็วมากกว่าปัจจุบันไม่ได้มากนัก  ทำให้ในกลุ่ม ปตท.ร่วมกันพิจารณาที่จะช่วยกันดำเนินการเพื่อร่วมกันขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าให้เติบโต

สำหรับแนวทางที่ทำให้ไทยออยล์ปรับตัวได้ทุกการเปลี่ยนแปลง หรือ Last Man Standing  มาจาก 5 ด้าน ได้แก่ 1. Competitive Configuration ปรับปรุงหน่วยกลั่นให้มี complexity สูง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 2. Operation & Commercial optimization & Flexibility ปรับเปลี่ยนการผลิตและการซื้อขายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดและพร้อมรับมือความผันผวนของตลาด เพื่อการทำกำไรสูงสุด 3. Productivity improvement เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ บริการ การซื้อขาย และรูปแบบการทำธุรกิจ รวมถึงการนำเทคโนโลยีหรือความรู้ใหม่ ๆ มาปรับใช้อย่างเหมาะสม

4. Cost control ควบคุมต้นทุน เพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน โดยตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายบริษัทให้ต่ำกว่าแผนร้อยละ 20-30  และ 5. Risk management บริหารความเสี่ยง  เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นให้อยู่ในระดับที่รับได้

ส่วนแนวโน้มภาพรวมธุรกิจของบริษัทไตรมาส 2/2563 มีทิศทางที่ดีกว่าไตรมาสแรกที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนจากสตอกน้ำมัน 10,800 ล้านบาท แต่จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปัจจุบัน จากประมาณ 33 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในสิ้นไตรมาส 1/2563 จะส่งผลให้มีกำไรจากสตกอกไตรมาส 2 นอกจากนี้ กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของบริษัทลูก และในส่วนของโรงกลั่นน้ำมัน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]

ตร.เข้มปราบแข่งรถบนทางด่วน เร่งสอบเหตุรถชน 11 คัน

17 ส.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำปราบปรามแข่งรถในทางอย่างเข้มงวด กรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน 11 คัน บนทางด่วนศรีรัช–อุดรรัถยา เร่งตรวจสอบ พบความผิดใด ดำเนินคดีทุกกรณี วันนี้ (17 สิงหาคม 2568) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร และหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 00.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันหลายคัน บนทางด่วนศรีรัช – อุดรรัถยา ขาออก มุ่งหน้า จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยการทางพิเศษเร่งเข้าตรวจสอบ พบรถยนต์เสียหายรวมทั้งสิ้น 11 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทั้งหมด ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการขับรถด้วยความประมาท […]

สัปดาห์หน้าถกคดี “หมอบี” รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หนี

17 ส.ค.- กองปราบเตรียมประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” สัปดาห์หน้า รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบพฤติการณ์ของนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ซึ่งอาจเข้าข่ายฉ้อโกง กรณีเปิดรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการของวัดพระบาทน้ำพุ ว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า คณะทำงานจะมีการเรียกประชุมเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้ลงไปติดตามในพื้นที่ จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเทียบเคียงและพิจารณาว่า พฤติการณ์ของนายเสกสันน์ เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนจะเป็นวันใดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือ สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พบว่ามีความคืบหน้าไปมาก คงเหลือพยานหลักฐานบางส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลบหนีไปนั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครหลบหนี มีรายงานข่าวว่า กรณีดังกล่าวหากนายเสกสันน์ หรือผู้เกี่ยวข้องมีการหลบหนีจริง ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เนื่องจากขณะนี้เจ้าตัวยังไม่ถูกดำเนินคดี รวมถึงไม่ถือเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ทำให้ตำรวจไม่สามารถขออายัด หรือมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบันคณะทำงาน โดยเฉพาะกองบังคับการปราบปราม อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับในกรณีที่พบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด.-419-สำนักข่าวไทย