บล.ทิสโก้ชี้หุ้นไทยพักฐานตามคาด มองระดับ 1,340 จุด น่าทยอยสะสม

17 มิ.ย. 63 – บล.ทิสโก้ชี้หุ้นไทยพักฐานตามคาด เหตุราคาตึงตัวมาก และกังวลโควิด -19 ระบาดรอบ 2  แนะทยอยสะสมเมื่อดัชนีต่ำกว่า 1,340 จุด พร้อมเปิดชื่อหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง, หุ้นกำไรครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นดีต่อเนื่องถึงปีหน้า และหุ้นที่น่าเทรดดิ้ง 


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บล.ทิสโก้มองว่ามูลค่าหุ้นไทยตึงตัวมาก และแนะนำให้ลูกค้าทยอยขายกระชับพอร์ตมาโดยตลอด โดยล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงและเข้าสู่ช่วงพักฐานตามที่คาด ปัจจัยหลักมากจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสองที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐฯ, จีน และกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา นอกจากนี้ การปรับตัวลงครั้งนี้ถือเป็นส่วนช่วยลดความร้อนแรงหลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาอีกด้วย 

สำหรับมุมมองการลงทุนหลังจากนี้ บล.ทิสโก้คาดว่าหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวในทิศทางขาลง (ย่อตัวสลับรีบาวด์) และหากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า 1,340 จุด มองเป็นระดับที่น่าทยอยสะสมหุ้น โดยคำนวณมาจาก 2 ปัจจัย คือ 1. ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยโดย Bloomberg Consensus ที่คาดว่าในปีนี้จะมีกำไรที่ 66.2 บาทต่อหุ้น และปี 2564 ที่ 83.8 บาทต่อหุ้น และค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน ระยะยาวในอดีตที่ 16.6 เท่า จะได้ดัชนีที่เหมาะสมในช่วงไตรมาส 3/2563 ที่ 1,318 จุด และไตรมาสที่ 4/2563 ที่ 1,392 จุด ซึ่งในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามประมาณกำไรบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มปรับลงอยู่  และ 2. การปรับตัวทางเทคนิค โดยหุ้นไทยเด้งจากจุดต่ำสุดรอบนี้ที่ 969 จุด (13 มีนาคม) และทำจุดสูงสุดที่ 1,454 จุด (8 มิถุนายน) เพราะฉะนั้นระดับ Fibonacci Retracement ที่ 23.6% และ 38.2% จะคิดเป็นดัชนีหุ้นไทยที่ระดับ 1,340 จุด และ 1,269 จุด ตามลำดับ


นายอภิชาติกล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่น่าติดตามในช่วงนี้คือ “Window Dressing” ที่มักจะถูกกล่าวถึงในช่วงสิ้นไตรมาส เนื่องจากราคาหุ้นบางตัว และตลาดหุ้นโดยรวมมักปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำตัวเลขทางบัญชีให้ดูดีทั้งจากนักลงทุนสถาบัน กองทุน และบริษัทอื่นๆ ที่ลงทุนในหุ้น ด้วยการซื้อเพื่อผลักดันราคาหุ้นให้ปิดสูงขึ้นเพื่อทำให้พอร์ทที่ลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น  ทั้งนี้ จากการศึกษาความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายเดือนของทุกไตรมาสย้อนหลังนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2552 เป็นต้นมาพบว่าไตรมาส 1 มีโอกาสเกิดปรากฎการณ์ Window Dressing ประมาณ 67% ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.2%, ไตรมาส 2 มีโอกาสเกิด 64% ให้ผลตอบแทน 1.4%, ไตรมาส 3 มีโอกาสเกิด 64% ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.5% และไตรมาส 4 มีโอกาสเกิด 64% ให้ผลตอบแทน 0.0% นอกจากนี้ จากการศึกษาพฤติกรรมของหุ้นเป็นรายตัวในอดีตพบว่า หุ้นที่มักเกิดผลกระทบ Window Dressing คือ BGRIM, GULF, KTC, OSP, PRM, RATCH, SPALI และ TTW

 สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น สามารถจำแนกหุ้นออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้ กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง หรือใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเกินปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว (ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่เกินกว่ามูลค่าที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของตลาดมากกว่า 10% ขึ้นไป) นอกจากนี้ คำแนะนำของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้มุมมองเป็น “ถือ” และ “ขาย” จากการตรวจสอบหุ้นทั้งหมดใน SET100 หุ้นที่เข้าข่าย คือ CENTEL, COM7  


กลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มหุ้นที่แนะนำหาจังหวะทยอยสะสมในช่วงตลาดพักฐาน จากแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวและปีหน้าคาดดีต่อเนื่อง แนะนำ CPALL, HMPRO, BBL, KKP, BAM, AEONTS, SCC, CK, SEAFCO และ BEM นอกจากนี้ ยังมองเป็นจังหวะทยอยเก็บหุ้นปันผลด้วย เนื่องจากอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่การจ่ายปันผลระหว่างกาล ชอบ EASTW, EGCO, RATCH, INTUCH, DCC, SCCC, LH, QH, DIF และ TFFIF กลุ่มสุดท้าย เป็นกลุ่มหุ้นเทรดดิ้งระยะสั้น เนื่องจากคาดว่าจะมีประเด็นบวกเฉพาะตัวหนุน 1. หุ้นรับอานิสงส์บาทแข็ง ชอบ EGCO, SYNEX และ TVO 2. หุ้นเข้า SET50 และ SET100 คือ TTW, BPP / ACE, DOHOME, RBF, TVO และ WHAUP และ 3. หุ้นเข้าข่าย Window Dressing – BGRIM, GULF, KTC, OSP, PRM, RATCH, SPALI และ TTW.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก