การเมืองไทย การเมืองโลกกดดันหุ้นไทย

กรุงเทพฯ 3 มี.ค. – การเมืองไทย การเมืองโลกกดดันหุ้นไทย มองหุ้นไทย มี.ค. มีโอกาสฟื้นตัวจาก Valuation ต่ำ


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือน มี.ค.นี้ คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวเนื่องจากมูลค่าหุ้น หรือ Valuation ของหุ้นไทยอยู่ในอัตราต่ำ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Forward P/E) อยู่ที่ 13 เท่า อัตราผลตอบแทนขึ้นมาที่ 4% มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ในขณะนี้อยู่ที่ 1.15 เท่า เท่ากับช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งหุ้นไทยในตลาดซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) มีสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 62% โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) แตะที่ 4% หุ้นบางตัวขึ้นมาถึง 6.5% ซึ่งปรับขึ้นมาสูงมากพอที่จะชดเชยกับความเสี่ยง และยังดีกว่าผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ที่มีผลตอบแทนเพียง 2% กว่า จึงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาสนใจกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในระยะกลางถึงยาว 6-12 เดือนข้างหน้า มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6-15% มีระดับความเชื่อมั่น 70-74%

อย่างไรก็ตาม เดือนนี้ต้องจับตาการเมืองไทย กระทบต่อตลาดทุน โดยมีทั้งประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคาดจะทำให้การเมืองเดือนนี้ร้อนแรงขึ้นตามสภาพอากาศก่อนจะมีการปิดสมัยประชุมรัฐสภาในต้นเดือน เม.ย. โดย ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างกระท่อนกระแท่นจากหลายกรณี เช่น การแข่งขันกันในการเลือกตั้ง อบจ., การตัดไฟเมียนมาเพื่อทลายทุนจีนเทา, การผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร-พนันออนไลน์, การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เห็นต่างและทำให้สภาล่ม, การตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ และคดีการฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. เป็นต้น ถึงแม้ความสัมพันธ์ของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ถึงขั้นแตกหัก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของนิด้าโพลที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเคลียร์กันได้ แต่มองอย่างน้อยจะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้กระบวนการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลมีความล่าช้าหรือไม่ได้ผลเท่าที่ควร


นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านต่ำ ปีนี้อาจโตไม่ถึง 3% เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดย GDP ไทยในไตรมาส 4/67 ขยายตัว 3.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่องและสินค้าคงคลังลดลงแรง ขณะที่การส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนเป็นปัจจัยบวก สำหรับ GDP ไทยทั้งปี 67 ขยายตัว 2.5% ดีขึ้นจาก 2.0% ในปี 66 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 2.7-2.8% มองไปข้างหน้า คาดว่าแนวโน้มของการบริโภคในประเทศจะมีทิศทางชะลอตัวลง โดยปัจจัยหลักที่กดดันได้แก่ อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเข้มงวดของสภาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงธุรกิจในภาคการผลิตที่ยังคงซบเซา ส่วนหนึ่งจากการแข่งขันที่สูงจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 2.3-3.3% ( ค่ากลางอยู่ที่ 2.8% vs TISCO ESU คาด 3.0%) ด้านเงินเฟ้อประเมินว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 0.5-1.5% (ค่ากลางอยู่ที่ 1% vs TISCO ESU คาด 1.0%) ล่าสุดการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่าเตรียมจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงจากปัจจุบันที่ 2.9% มาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2.5% เล็กน้อยในการประชุมครั้งหน้าในเดือน เม.ย.

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เพราะประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งมาตรการนี้จะให้อำนาจประธานาธิบดีในการปรับอัตราภาษีนำเข้าให้เท่ากับอัตราที่ประเทศคู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ทำให้ประเทศในแถบเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงกว่าประเทศในแถบยุโรปจากส่วนต่างอัตราภาษีศุลกากรโดยเปรียบเทียบที่ค่อนข้างสูงกว่า สำหรับไทยเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 6% เทียบกับสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากไทยเฉลี่ยไม่ถึง 1% ขณะเดียวกันไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นประเทศลำดับที่ 11 ที่เกินดุลการค้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด จึงมีความเสี่ยงสูงในภูมิภาคเอเชียรองจากอินเดียที่จะถูกมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้น ถึงแม้ปัจจุบันทิสโก้ยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ไว้ที่ 3.0% แต่ความเสี่ยงต่อประมาณการมีแนวโน้มไปทางด้านต่ำจากความไม่แน่นอนของนโยบายสงครามการค้าสหรัฐฯ จึงแนะนำติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งปีแรก


ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ระบุจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% ตามกำหนดการเดิมหลังจากที่เลื่อนมา 1 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงต้นเดือน มี.ค. พร้อมกับเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป 25% ในเร็ว ๆ นี้ หากมีการขึ้นภาษีจริงอาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าหวนกลับอีกครั้ง

ด้านมุมมองนโยบายการเงินของไทยหลังจากที่ กนง.สร้างเซอร์ไพร์สตลาดด้วยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 2.00% ในช่วงปลายเดือนที่แล้ว แต่คาดว่า กนง.มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ตลอดทั้งปีนี้ อย่างไรก็ดี หากนโยบายสงครามการค้ามีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงหากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ สะท้อนว่าภาวะการเงินในประเทศมีความตึงตัวมากขึ้น อาจส่งผลให้ กนง. พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เพิ่มเติมได้จากระดับปัจจุบัน (Data Dependent)

“จากการตรวจสอบภาพรวมงบ Q4 ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าตลาดคาดในสัดส่วน 47% / ตามคาด 23% / ดีกว่าคาด 30% ส่งผลให้ประมาณการกำไรของตลาด (SET EPS) ยังมีแนวโน้มปรับลงอยู่ โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET EPS ปี 25F ถูกปรับจาก 96.6 บาท เป็น 96 บาท หรือ -0.9% อยู่ที่ในทิศทางปรับลงต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ระดับ SET Index ที่เหมาะสมจากการประเมินด้วยวิธี Bottom-up Approach ถูกปรับลงต่อเนื่องเช่นกันมาอยู่ที่ 1,510 จุด จากต้นปีนี้ที่อยู่ที่ประมาณ 1,600 จุดต้น ๆ” รายงานของทิสโก้ ระบุ. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารวัดไร่ขิง กว่า 20 บัญชี

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจเร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารวัดไร่ขิง กว่า 20 บัญชี หาความเชื่อมโยงการยักยอกเงินของอดีตเจ้าอาวาส เบื้องต้นพบมีอีก 7 บัญชี ที่ใช้กล่าวหาการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและสอบปากคำพยาน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง วันนี้ (18 พ.ค.68) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ข้อมูลว่า ทางพนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่างนายแย้ม กับ นางสาวอรัญญาวรรณหลายช่องทาง ช่วงปี 2563 ถึง ปี 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท -แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของอดีตพระแย้ม โอนเงินให้นางสาวอรัญญาวรรณในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท-ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้นางสาวอรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท-และพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอีก 1 บัญชี โอนเงินให้ นางสาวอรัญญาวรรณ […]

Aerial view of destruction in Missouri from tornadoes

ทอร์นาโดถล่มสหรัฐ เสียชีวิตแล้ว 27 คน

พายุทอร์นาโดพัดถล่มรัฐมิสซูรีและเคนทักกีของสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 27 ราย คาดจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น ขณะที่บ้านเรือนหลายพันหลังได้รับความเสียหาย 

กรมอุตุฯ เตือนฝนฟ้าคะนอง ตกหนักบางแห่ง

กทม. 18 พ.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และด้านตะวันตกของประเทศไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ […]

ระทึก! ตำรวจไล่ล่า-ยิงยางสกัดกระบะซิ่ง พบไอซ์ซุกในรถ

17 พ.ค. – ระทึก! ตำรวจสายตรวจขี่รถจักรยานยนต์ไล่ล่ากระบะซิ่งหนีชนดะ ต้องยิงยางสกัดจึงสิ้นฤทธิ์ ตรวจค้นพบไอซ์จำนวนหนึ่งซุกซ่อนในรถ เพจเฟสบุ๊กชื่อ วัชรพล สายไหม เพิ่มสิน สุขาภิบาล 5 โพสต์ข้อความระบุว่า “เลี่ยงทางถนนเทพารักษ์ วัชรพล” พร้อมกับคลิปเหตุการณ์ที่มีรถกระบะแต่งซิ่งคันหนึ่งขับเร่งเครื่องจนควันดำเต็มถนน เหมือนพยายามหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในคลิปจะเห็นว่าด้านหน้ารถกระบะคันดังกล่าวมีรถกระบะจอดขวางทางอยู่ 1 คัน และด้านซ้ายของคลิปจะเห็นรถจักรยานยนต์ตำรวจสายตรวจล้มอยู่ อีกทั้งยังได้ยิงเสียงปืน และในจังหวะที่รถกระบะกำลังถอยเพื่อกลับลำหนี มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งเข้ามาชนท้ายอย่างจัง เพื่อปิดทางหนีของรถกระบะคันดังกล่าว และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุบกระจกรถกระบะ พร้อมนำตัวผู้ก่อเหตุออกมาจากรถได้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถกระบะอีซูซุโหลดเตี้ยแต่งซิ่ง ทะเบียนกรุงเทพมหานคร มีรอยเฉี่ยวชนรอบคัน ล้อด้านซ้ายแตกทั้งล้อหน้า ล้อหลัง และยางล้อหน้าด้านซ้ายมีเศษหัวกระสุนติดอยู่ ส่วนคนขับรถกระบะทราบชื่อคือ นายชัยชนะ อายุ 41 ปี ถูกจับกุมพร้อมของกลางไอซ์จำนวนหนึ่งซุกซ่อนในรถกระบะ ด้านพลเมืองที่ช่วยตำรวจสกัดคนร้ายไม่ให้หลบหนี คือนายประหยัด เจ้าของรถกระบะวีโก้สีดำ ได้รับความเสียหายบริเวณตัวรถด้านซ้ายจนถึงท้ายรถ ซึ่งจอดขวางหน้ารถกระบะคันก่อเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะตนเองขับรถอยู่ในซอยพหลโยธิน 50 เห็นรถสายตรวจจักรยานยนต์ขี่ไล่รถกระบะคันเกิดเหตุมาจนมาถึงซอยเทพรักษ์ 23 รถคนร้ายเฉี่ยวชนรถของตนเองเลยขับตามมา ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาไล่จับอะไรกัน แต่ได้ยินสายตรวจบอกให้ช่วยไล่ จึงช่วยเพราะก็ถูกชนแล้วหนีเหมือนกัน จนมาช่วยสกัดได้ตรงนี้ […]