การเมืองไทย การเมืองโลกกดดันหุ้นไทย

กรุงเทพฯ 3 มี.ค. – การเมืองไทย การเมืองโลกกดดันหุ้นไทย มองหุ้นไทย มี.ค. มีโอกาสฟื้นตัวจาก Valuation ต่ำ


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือน มี.ค.นี้ คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวเนื่องจากมูลค่าหุ้น หรือ Valuation ของหุ้นไทยอยู่ในอัตราต่ำ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Forward P/E) อยู่ที่ 13 เท่า อัตราผลตอบแทนขึ้นมาที่ 4% มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ในขณะนี้อยู่ที่ 1.15 เท่า เท่ากับช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งหุ้นไทยในตลาดซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) มีสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 62% โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) แตะที่ 4% หุ้นบางตัวขึ้นมาถึง 6.5% ซึ่งปรับขึ้นมาสูงมากพอที่จะชดเชยกับความเสี่ยง และยังดีกว่าผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ที่มีผลตอบแทนเพียง 2% กว่า จึงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาสนใจกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในระยะกลางถึงยาว 6-12 เดือนข้างหน้า มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6-15% มีระดับความเชื่อมั่น 70-74%

อย่างไรก็ตาม เดือนนี้ต้องจับตาการเมืองไทย กระทบต่อตลาดทุน โดยมีทั้งประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคาดจะทำให้การเมืองเดือนนี้ร้อนแรงขึ้นตามสภาพอากาศก่อนจะมีการปิดสมัยประชุมรัฐสภาในต้นเดือน เม.ย. โดย ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างกระท่อนกระแท่นจากหลายกรณี เช่น การแข่งขันกันในการเลือกตั้ง อบจ., การตัดไฟเมียนมาเพื่อทลายทุนจีนเทา, การผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร-พนันออนไลน์, การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เห็นต่างและทำให้สภาล่ม, การตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ และคดีการฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. เป็นต้น ถึงแม้ความสัมพันธ์ของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ถึงขั้นแตกหัก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของนิด้าโพลที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเคลียร์กันได้ แต่มองอย่างน้อยจะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้กระบวนการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลมีความล่าช้าหรือไม่ได้ผลเท่าที่ควร


นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านต่ำ ปีนี้อาจโตไม่ถึง 3% เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดย GDP ไทยในไตรมาส 4/67 ขยายตัว 3.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่องและสินค้าคงคลังลดลงแรง ขณะที่การส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนเป็นปัจจัยบวก สำหรับ GDP ไทยทั้งปี 67 ขยายตัว 2.5% ดีขึ้นจาก 2.0% ในปี 66 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 2.7-2.8% มองไปข้างหน้า คาดว่าแนวโน้มของการบริโภคในประเทศจะมีทิศทางชะลอตัวลง โดยปัจจัยหลักที่กดดันได้แก่ อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเข้มงวดของสภาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงธุรกิจในภาคการผลิตที่ยังคงซบเซา ส่วนหนึ่งจากการแข่งขันที่สูงจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 2.3-3.3% ( ค่ากลางอยู่ที่ 2.8% vs TISCO ESU คาด 3.0%) ด้านเงินเฟ้อประเมินว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 0.5-1.5% (ค่ากลางอยู่ที่ 1% vs TISCO ESU คาด 1.0%) ล่าสุดการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่าเตรียมจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงจากปัจจุบันที่ 2.9% มาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2.5% เล็กน้อยในการประชุมครั้งหน้าในเดือน เม.ย.

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เพราะประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งมาตรการนี้จะให้อำนาจประธานาธิบดีในการปรับอัตราภาษีนำเข้าให้เท่ากับอัตราที่ประเทศคู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ทำให้ประเทศในแถบเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงกว่าประเทศในแถบยุโรปจากส่วนต่างอัตราภาษีศุลกากรโดยเปรียบเทียบที่ค่อนข้างสูงกว่า สำหรับไทยเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 6% เทียบกับสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากไทยเฉลี่ยไม่ถึง 1% ขณะเดียวกันไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นประเทศลำดับที่ 11 ที่เกินดุลการค้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด จึงมีความเสี่ยงสูงในภูมิภาคเอเชียรองจากอินเดียที่จะถูกมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้น ถึงแม้ปัจจุบันทิสโก้ยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ไว้ที่ 3.0% แต่ความเสี่ยงต่อประมาณการมีแนวโน้มไปทางด้านต่ำจากความไม่แน่นอนของนโยบายสงครามการค้าสหรัฐฯ จึงแนะนำติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งปีแรก


ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ระบุจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% ตามกำหนดการเดิมหลังจากที่เลื่อนมา 1 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงต้นเดือน มี.ค. พร้อมกับเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป 25% ในเร็ว ๆ นี้ หากมีการขึ้นภาษีจริงอาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าหวนกลับอีกครั้ง

ด้านมุมมองนโยบายการเงินของไทยหลังจากที่ กนง.สร้างเซอร์ไพร์สตลาดด้วยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 2.00% ในช่วงปลายเดือนที่แล้ว แต่คาดว่า กนง.มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ตลอดทั้งปีนี้ อย่างไรก็ดี หากนโยบายสงครามการค้ามีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงหากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ สะท้อนว่าภาวะการเงินในประเทศมีความตึงตัวมากขึ้น อาจส่งผลให้ กนง. พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เพิ่มเติมได้จากระดับปัจจุบัน (Data Dependent)

“จากการตรวจสอบภาพรวมงบ Q4 ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าตลาดคาดในสัดส่วน 47% / ตามคาด 23% / ดีกว่าคาด 30% ส่งผลให้ประมาณการกำไรของตลาด (SET EPS) ยังมีแนวโน้มปรับลงอยู่ โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET EPS ปี 25F ถูกปรับจาก 96.6 บาท เป็น 96 บาท หรือ -0.9% อยู่ที่ในทิศทางปรับลงต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ระดับ SET Index ที่เหมาะสมจากการประเมินด้วยวิธี Bottom-up Approach ถูกปรับลงต่อเนื่องเช่นกันมาอยู่ที่ 1,510 จุด จากต้นปีนี้ที่อยู่ที่ประมาณ 1,600 จุดต้น ๆ” รายงานของทิสโก้ ระบุ. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย

เหตุดินโคลนถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ดับ 4 สูญหาย 5

เชียงใหม่ 28 ส.ค. – พายุคาจิกิที่พัดถล่ม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ทำน้ำป่าพัดดินโคลนถล่มหมู่บ้านปางอุ๋ง บ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง รถยนต์หลายสิบคันจมโคลน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ยังสูญหายอีก 5 ราย เจ้าหน้าที่เร่งค้นหา หมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักจากพายุคาจิกิ ทำให้เกิดดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ดินโคลนทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง รถยนต์หลายสิบคันจมอยู่ในโคลน ล่าสุดเวลา 19.00 น. (27 ส.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ยุติการค้นหาผู้สูญหายจากดินถล่มแล้ว พบเสียชีวิต 4 ราย ยังสูญหายอีก 5 ราย นายนิกร แซ่เห่อ ผู้ใหญ่บ้านปางอุ๋ง เล่าว่า ดินโคลนไหลผ่านกลางหมู่บ้าน ชาวบ้านบางส่วนยังออกมาดูระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วพริบตาบ้านอย่างน้อย 7 หลังถูกซัดหายไป เหลือไว้แค่พื้นและเสาบ้าน เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานระดมกำลังพร้อมเครื่องจักรเข้าช่วยเหลือชาวบ้านรื้อซากปรักหักพัง ทีมกู้ภัยกระจายกันค้นหาผู้สูญหาย พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือชาวบ้าน […]