การเมืองไทย การเมืองโลกกดดันหุ้นไทย

กรุงเทพฯ 3 มี.ค. – การเมืองไทย การเมืองโลกกดดันหุ้นไทย มองหุ้นไทย มี.ค. มีโอกาสฟื้นตัวจาก Valuation ต่ำ


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือน มี.ค.นี้ คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวเนื่องจากมูลค่าหุ้น หรือ Valuation ของหุ้นไทยอยู่ในอัตราต่ำ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Forward P/E) อยู่ที่ 13 เท่า อัตราผลตอบแทนขึ้นมาที่ 4% มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ในขณะนี้อยู่ที่ 1.15 เท่า เท่ากับช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งหุ้นไทยในตลาดซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) มีสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 62% โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) แตะที่ 4% หุ้นบางตัวขึ้นมาถึง 6.5% ซึ่งปรับขึ้นมาสูงมากพอที่จะชดเชยกับความเสี่ยง และยังดีกว่าผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ที่มีผลตอบแทนเพียง 2% กว่า จึงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาสนใจกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในระยะกลางถึงยาว 6-12 เดือนข้างหน้า มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6-15% มีระดับความเชื่อมั่น 70-74%

อย่างไรก็ตาม เดือนนี้ต้องจับตาการเมืองไทย กระทบต่อตลาดทุน โดยมีทั้งประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคาดจะทำให้การเมืองเดือนนี้ร้อนแรงขึ้นตามสภาพอากาศก่อนจะมีการปิดสมัยประชุมรัฐสภาในต้นเดือน เม.ย. โดย ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างกระท่อนกระแท่นจากหลายกรณี เช่น การแข่งขันกันในการเลือกตั้ง อบจ., การตัดไฟเมียนมาเพื่อทลายทุนจีนเทา, การผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร-พนันออนไลน์, การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เห็นต่างและทำให้สภาล่ม, การตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ และคดีการฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. เป็นต้น ถึงแม้ความสัมพันธ์ของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ถึงขั้นแตกหัก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของนิด้าโพลที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเคลียร์กันได้ แต่มองอย่างน้อยจะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้กระบวนการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลมีความล่าช้าหรือไม่ได้ผลเท่าที่ควร


นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านต่ำ ปีนี้อาจโตไม่ถึง 3% เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดย GDP ไทยในไตรมาส 4/67 ขยายตัว 3.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่องและสินค้าคงคลังลดลงแรง ขณะที่การส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนเป็นปัจจัยบวก สำหรับ GDP ไทยทั้งปี 67 ขยายตัว 2.5% ดีขึ้นจาก 2.0% ในปี 66 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 2.7-2.8% มองไปข้างหน้า คาดว่าแนวโน้มของการบริโภคในประเทศจะมีทิศทางชะลอตัวลง โดยปัจจัยหลักที่กดดันได้แก่ อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเข้มงวดของสภาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงธุรกิจในภาคการผลิตที่ยังคงซบเซา ส่วนหนึ่งจากการแข่งขันที่สูงจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 2.3-3.3% ( ค่ากลางอยู่ที่ 2.8% vs TISCO ESU คาด 3.0%) ด้านเงินเฟ้อประเมินว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 0.5-1.5% (ค่ากลางอยู่ที่ 1% vs TISCO ESU คาด 1.0%) ล่าสุดการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่าเตรียมจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงจากปัจจุบันที่ 2.9% มาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2.5% เล็กน้อยในการประชุมครั้งหน้าในเดือน เม.ย.

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เพราะประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งมาตรการนี้จะให้อำนาจประธานาธิบดีในการปรับอัตราภาษีนำเข้าให้เท่ากับอัตราที่ประเทศคู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ทำให้ประเทศในแถบเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงกว่าประเทศในแถบยุโรปจากส่วนต่างอัตราภาษีศุลกากรโดยเปรียบเทียบที่ค่อนข้างสูงกว่า สำหรับไทยเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 6% เทียบกับสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากไทยเฉลี่ยไม่ถึง 1% ขณะเดียวกันไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นประเทศลำดับที่ 11 ที่เกินดุลการค้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด จึงมีความเสี่ยงสูงในภูมิภาคเอเชียรองจากอินเดียที่จะถูกมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้น ถึงแม้ปัจจุบันทิสโก้ยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ไว้ที่ 3.0% แต่ความเสี่ยงต่อประมาณการมีแนวโน้มไปทางด้านต่ำจากความไม่แน่นอนของนโยบายสงครามการค้าสหรัฐฯ จึงแนะนำติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งปีแรก


ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ระบุจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% ตามกำหนดการเดิมหลังจากที่เลื่อนมา 1 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงต้นเดือน มี.ค. พร้อมกับเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป 25% ในเร็ว ๆ นี้ หากมีการขึ้นภาษีจริงอาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าหวนกลับอีกครั้ง

ด้านมุมมองนโยบายการเงินของไทยหลังจากที่ กนง.สร้างเซอร์ไพร์สตลาดด้วยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 2.00% ในช่วงปลายเดือนที่แล้ว แต่คาดว่า กนง.มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ตลอดทั้งปีนี้ อย่างไรก็ดี หากนโยบายสงครามการค้ามีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงหากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ สะท้อนว่าภาวะการเงินในประเทศมีความตึงตัวมากขึ้น อาจส่งผลให้ กนง. พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เพิ่มเติมได้จากระดับปัจจุบัน (Data Dependent)

“จากการตรวจสอบภาพรวมงบ Q4 ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าตลาดคาดในสัดส่วน 47% / ตามคาด 23% / ดีกว่าคาด 30% ส่งผลให้ประมาณการกำไรของตลาด (SET EPS) ยังมีแนวโน้มปรับลงอยู่ โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET EPS ปี 25F ถูกปรับจาก 96.6 บาท เป็น 96 บาท หรือ -0.9% อยู่ที่ในทิศทางปรับลงต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ระดับ SET Index ที่เหมาะสมจากการประเมินด้วยวิธี Bottom-up Approach ถูกปรับลงต่อเนื่องเช่นกันมาอยู่ที่ 1,510 จุด จากต้นปีนี้ที่อยู่ที่ประมาณ 1,600 จุดต้น ๆ” รายงานของทิสโก้ ระบุ. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]