ศาลปกครอง 15 มิ.ย.-เครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ฟ้องศาลปกครองยกเลิกคำสั่งแบน 3 สาร อ้างข้อมูลพิจารณาแบนสารเคมีจากเอ็นจีโอใช้ข้อมูลเท็จ ย้ำ “พาราควอตและไกลไฟเซต” ไม่มีสารตกค้าง ที่พบตายเพราะต้องการฆ่าตัวตายเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง พร้อมเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ข้าวโพด ลำไย ซึ่งพืชทั้ง 3 ชนิด เป็น 1 ใน 8 พืชเกษตรที่ทำรายได้เข้าประเทศ เดินทางมายื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสากรรม นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อศาลปกครอง และขอไต่สวนฉุกเฉิน หลังจากที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 โดยขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกประกาศดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการที่นำมาสู่การประกาศวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 หรือ วอ.4 เป็นการสร้างข้อมูลเท็จระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับเอ็นจีโอ ที่พบว่าเรื่องสารตกค้างที่พบในผลผลิตทางการเกษตร เมื่อมีการตรวจสอบแล้ว พบว่าหน่วยงานของกระทรวงสาธารสุข 8 หน่วยงาน ไม่มีข้อมูลแต่อย่างไร แต่นำข้อมูลของเอ็นจีโอมาเสนอแบนวัตถุอันตรายพาราควอต และเมื่อไปดูข้อมูลของเอ็นจีโอ ไม่พบว่ามีการตกค้างของสารพาราควอตและไกลไฟเซต ส่วนสารคลอร์ไพริฟอส ตกค้างแต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน ดังนั้นข้อมูลของการตกค้างในสินค้าเกษตรนั้น จึงเป็นเท็จ และการใช้พาราควอตผิดวัตถุประสงค์ที่กระทรวงสาธารณสุขบอกว่ามีผู้ป่วย 14,000 คนต่อปีนั้น พบว่ามีผู้เสียชีวิต 600 คน ซึ่งทางกลุ่มฯ ได้ไปขอข้อมูลทางศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่ปี 2559-2562 พบว่ามีผู้ป่วยเพียงกว่า 1,000 คนเท่านั้น และกว่า 900 ราย พบว่าเป็นการกินสารพิษเพื่อฆ่าตัวตาย
“เกษตรกรไม่มีใครได้รับอันตรายจากสารพิษเลย เพราะยานี้เอาไว้ฆ่าหญ้า ไม่ได้กินเพื่อฆ่าตัวตาย และที่บอกว่าก็ลองดูสิว่าตายหรือไม่ ขอย้ำว่าพาราควอตมีไว้ฆ่าหญ้า ไม่ได้มีไว้ฆ่าตัวตาย” น.ส.อัญชุลี กล่าว
ส่วนการที่นักวิชาการที่พูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม น.ส.อัญชุลี กล่าวว่า เมื่อได้สอบถามจากต้นสังกัด พบว่าไม่มีงานวิจัยชิ้นใดที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ได้การรับรองแต่อย่างใด ส่วนประเด็นการแพร่จากแม่สู่ลูกนั้น ข้อมูลที่ถูกอ้างก็ไม่ได้รับการยืนยันจากทางโรงพยาบาลที่ถูกกล่าวอ้าง ดังนั้นจึงควรให้ความเป็นธรรมกับเกษตรกร
“หลังวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ที่มีการแบนสารเคมี มีผลเดือดร้อนต่อเกษตรกร โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน พอฝนตก 3 วันหญ้าขึ้น เมื่อไม่ให้เกษตรกรใช้ยาฆ่าหญ้า จะให้เกษตรกรกำจัดหญ้าที่อยู่ในแปลงเกษตรอย่างไร ในเรื่องสารทดแทน ทางกรมวิชาการเกษตร ก็บอกว่าสารทดแทนที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับสารพราควอตนั้นไม่มี อีกทั้งสารชีวพันธ์ทุกยี้ห้อที่วางขายตามท้องตลาด ก็มีส่วนผสมของพาราควอตและไกลไฟเซต ดังนั้นเมื่อเกษตรไม่มีทางเลือกอื่นใด และคนที่เสนอแบนสารเคมีก็ไม่มีทางเลือกให้เกษตรกรเลือกเลย แล้วเสนอแบนเพื่อเหตุผลใด” น.ส.อัญชุลี กล่าว.-สำนักข่าวไทย