fbpx

“มนัญญา” เดินหน้าแบนสารเคมีทางการเกษตร

กรุงเทพฯ 11 ธ.ค. – “มนัญญา” ประกาศเดินหน้าแบน 3 สาร สั่งกรมวิชาการเกษตรเคลียร์สตอกพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสให้หมดก่อน 1 มิ.ย.63 ระบุมีการนำเข้าสารทดแทนแล้วกว่า 5,000 ตัน 


น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งกรมวิชาการเกษตรกำชับผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเลื่อนการแบนให้มีผลวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ในช่วง 6 เดือนนี้ จะไม่ให้กรมวิชาการเกษตรออกใบอนุญาตให้นำเข้า ดังนั้น ภาคเอกชนต้องเคลียร์สตอกให้หมด เมื่อกฎหมายการแบนมีผลบังคับใช้จะนำเรื่องสตอกคงค้างมาอ้างเพื่อชะลอต่อไปไม่ได้ 

ล่าสุดได้รับรายงานว่าส่งออกไปประเทศที่ 3 แล้วประมาณ 2,000 ตัน ส่วนการจำหน่ายในประเทศนั้นทราบว่าร้านค้าวัสดุทางการเกษตรจำหน่ายแบบลดแลกแจกแถมกันมาก ซึ่งตามมาตรการจำกัดการใช้ต้องทราบว่าร้านค้าจำหน่ายไปแล้วเท่าไร อยู่ในการครอบครองของเกษตรกรมากน้อยแค่ไหน และใครซื้อไปบ้าง รวมทั้งต้องระบุในฉลากให้ชัดเจนว่าใช้ได้กับพืชชนิดใด ปริมาณเท่าไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการหลายร้อยบริษัทที่ต้องอบรมเกษตรกรให้ใช้อย่างถูกต้อง แต่ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ กลับใช้งบไปอบรมเป็น 100 ล้านบาท


สำหรับไกลโฟเซต แม้คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะมีมติไม่แบน แต่จำกัดการใช้ช่วง 6 เดือนนี้ก็ไม่อนุญาตนำเข้า เพราะมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายยังไม่มีการรับรอง หากออกเป็นพระราชบัญญัติจำกัดการใช้จะไม่มีข้อคัดค้านทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่ตอนนี้ไม่นำเข้าและจะไม่ให้มีในประเทศไทย แม้จะระบุว่า เป็นการทำเกษตรแบบปลอดภัย แต่ฉีดพ่นสารเคมีก่อนเก็บเกี่ยว ผู้บริโภคจะทราบได้อย่างไรว่าเว้นระยะเก็บเกี่ยวอย่างถูกต้องหรือไม่ จะมีสารตกค้างเข้าไปสะสมในร่างกายหรือเปล่า

น.ส.มนัญญา กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีกว่า 70 บริษัทที่นำเข้าสารเคมีทดแทนรวมประมาณ 5,000 ตัน ส่วนที่กล่าวกันว่าเป็นการนำเข้าสารเคมีชนิดหนึ่งทดแทนอีกชนิดหนึ่งนั้น คำว่า “สารเคมี” ย่อมมีพิษอยู่แล้ว แต่จะมากหรือน้อย อีกทั้งเมื่อใช้สารเคมีในการเพาะปลูกจะทำให้พืชผักและไม้ผลอ่อนแอ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า ผู้ประกอบการนำสารเคมีทางการเกษตรบางชนิดเข้ามาพักในไทยแล้วส่งต่อไปประเทศที่ 3 ผู้ประกอบธุรกิจควรคำนึงถึงความปลอดภัยและมีศีลธรรมด้วย ไม่ใช่คิดถึงแต่รายได้อย่างเดียว

ขณะนี้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมวางนโยบายการทำเกษตรปลอดภัยทั้งระบบจากเกษตรกรถึงผู้บริโภค โดยมีทุกสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศเป็นกลไกนำร่อง ทั้งนี้ สหกรณ์การเกษตรทุกแห่งจะพร้อมใจกันติดป้ายไม่จำหน่ายสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งมีสหกรณ์การเกษตรบางแห่งทำแล้ว นอกจากนี้ จะให้กรมวิชาการเกษตรรณรงค์การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภัณฑ์ ส่งเสริมการทำเกษตรผสมผสานโดใช้เครื่องจักรกลและเทคโนโลยีทางการเกษตรซึ่งเป็นทำการเกษตรแบบประณีต (Precision Farming) เตรียมประเทศไทยไปสู่การเป็นครัวโลก 


 “ไม่ล้มเลิกต่อสู้แบน 3 สาร ตอนนี้มีกำลังใจส่งมาจากทั่วประเทศ หน่วยงานต่าง ๆ ต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจถึงผลดีของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ และสารชีวภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้น เพราะต้นไม้แข็งแรง ไม่มีโรคและแมลงรบกวน รวมทั้งต้องสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ โดยมีตลาดรองรับผลผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดสารพิษแก่ผู้บริโภค เป็นสินค้าคุณภาพ ขายราคาไม่แพง มีนโยบายยกเป็นซูเปอร์สหกรณ์ทุกจังหวัดเหมือนเช่นในกรุงเทพฯ มีสหกรณ์พระนครที่จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์” น.ส.มนัญญา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้