สทนช. 11มิ.ย. – “พล.อ.ประวิตร” กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรัดกุมและรอบด้าน โดยเร่งจัดทำแผนและมาตรการรับน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำ และพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง รองรับน้ำหลากให้แล้วเสร็จ ก.ค.นี้
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ภายหลังการาประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธาน ว่า เนื่องจาก ขณะนี้มีฝนตกในทุกภูมิภาคของประเทศไทย และจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลังจากนี้ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณภาคภาคเหนือและภาคใต้ฝั่งตะวันตก พล.อ.ประวิตร จึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรัดกุมและรอบด้าน รวมทั้ง ให้มีการเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำสำหรับแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืนควบคู่ไปพร้อมกันด้วย
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการจัดทำแผนและมาตรการรับน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำและพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เพื่อรองรับน้ำหลากให้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2563 สำหรับทุ่งรับน้ำใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ ลำน้ำยัง จ.ร้อยเอ็ด และบางพลวง จ.ปราจีนบุรี ให้จัดเตรียมพื้นที่ให้แล้วเสร็จในปีต่อไป ให้กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เร่งจัดทำเกณฑ์การบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ และเกณฑ์ระบายน้ำในส่วนที่เหลือ ให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2563
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าวว่า ให้กรมชลประทาน กรุงเทพมหานคร และจังหวัดในเขตปริมณฑล จัดทำเกณฑ์การระบายน้ำ การควบคุมระดับน้ำ การสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 13 แห่ง ให้ชัดเจน และให้กำหนดพื้นที่เฝ้าระวังและแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร ให้กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ปรับแผนงานปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ปี 2563 ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก พร้อมจัดทำแผนงานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ ในปี 2565
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ และให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เร่งรัดการกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำสายหลักให้แล้วเสร็จ ในเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ได้ทันเวลา และลดผลกระทบที่อาจเกิดต่อทรัพย์สิน ชีวิต รวมถึง ความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ได้มากที่สุด .- สำนักข่าวไทย