กรุงเทพฯ 2 มิ.ย. – จีซีประชุมผู้ถือหุ้นคุมเข้มมาตรการป้องกันการระบาดโควิด-19 ที่ประชุมอนุมัติออกหุ้นกู้ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 5 ปี เตรียมซื้อกิจการหลายโครงการในโลกหลังมีการแห่ขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากคลายล็อกดาวน์และเปิดให้ประชุมผู้ถือหุ้นได้ บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล หรือจีซี ได้จัดประชุมผู้ถือหุ้น ที่อาคารเอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ โดยทำตามกฎของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และข้อกำหนดด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น เปิดให้ผู้ถือหุ้นประชุมไม่เกิน 100 คน ทำให้ผู้ที่เข้าประชุมไม่ได้ บางคนมีความไม่พอใจ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาชี้แจง ว่าสามารถดูผ่านระบบออนไลน์ พร้อมแสดงความเห็นและคำถามได้ ทั้งนี้ จีซีได้ให้ผู้ถือหุ้นผ่านการฆ่าเชื้อ ตู้ โควิเคลียร์ ซึ่งจีซีพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พ่นซิลเวอร์นาโนทำลายผนังเซลล์เชื้อโรค ออกฤทธิ์ปกป้องนาน 24 ชั่วโมง โดยเครื่องนี้มีการติดตั้งตามโรงพยาบาลต่าง ๆ และกำลังพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีผู้สนใจสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศ
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจีซี กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเห็นชอบให้จีซีออกหุ้นกู้ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2563-2567) เพื่อรองรับการลงทุนที่มีแผนชัดเจนประมาณกว่า 1,000 ล้านเหรียญ และการรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิมประมาณ 3,000 ล้านเหรียญ โดยเงินกู้ระยะยาวขณะนี้มีประมาณ 85,700 ล้านบาท หรือประมาณ 2,780 ล้านเหรียญ และมีแผนการลงทุน 5 ปีที่ได้รับอนุมัติแล้ว 32,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1,050 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแผนการชำระคืนเงินกู้ปี 2563 อยู่ที่ 8,160 ล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 22,100 ล้านบาท ปี 2565 อยู่ที่ 34,900 ล้านบาท ปี 2566 อยู่ที่ 5,960 ล้านบาท และปี 2567 อยู่ที่ 14,700 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 บริษัทมีภาระเงินกู้ยืม 105,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สกุลเงินบาท 69,200 ล้านบาท และสกุลต่างประเทศ 35,800 ล้านบาท มีต้นทุนเฉลี่ยต่ำกว่า 3.5% โดยมั่นใจว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นบริษัทยังมีความสามารถในการระดมเงินได้ เพราะยังได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดิมที่ BBB+
นายคงกระพัน ยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้บริษัททบทวนการลงทุนใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม ในภาวะเช่นนี้ทั่วโลกก็มีการขายกิจการที่หลากหลายในราคาต่ำ นับเป็นโอกาสที่ดี ทางจีซีก็จะอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าไปซื้อกิจการใด ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 4/2563 ส่วนใหญ่เป็นกิจการด้าน Specialty Chemical และ Advance Material โดยการที่จีซีเป็นผู้ประกอบการโรงกลั่นฯ-ปิโตรเคมีครบวงจร ทำให้บริษํทสามารถปรับกระบวนการผลิตให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด เช่น ที่ผ่านมาน้ำมันเครื่องบิน (เจ็ท) ประสบปัญหาขายไม่ได้ ทางจีซีก็ยกไม่ผลิตเจ็ท แต่ปรับเปลี่ยนมาผลิตน้ำมันดีเซล เตา และวัตถุดิบปิโตรเคมีทดแทน
สำหรับผลการดำเนิกการไตรมาส 2/2563 คาดว่าน่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 8,780 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนสตอกน้ำมันดิบ ซึ่งขณะนี้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี และราคาน้ำมันขยับขึ้นดี จากการคลายล็อกดาวน์ของทั่วโลก และบริษัทไม่มีการปิดซ่อมบำรุง จึงเชื่อว่าหากจะมีการความเสี่ยงจากการขาดทุนสตอกก็อาจจะน้อยมาก.-สำนักข่าวไทย