MCOT ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM)

กรุงเทพ 30 เม.ย. – บมจ.อสมท จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เร่งหารายได้เพิ่ม มุ่งบริหารสภาพคล่อง ยึดถือประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น ยืนยันยังไม่มีแผนนำที่ดิน 50 ไร่ ทำ Entertainment Complex ยังไม่มีแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน


บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 โดยจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 6 อาคารปฎิบัติการวิทยุและโทรทัศน์ บมจ.อสมท สำหรับผลการดำเนินงาน ในปี 2567 บมจ.อสมท มีรายได้จำนวน 1,171 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล (BNO) คิดเป็นร้อยละ 40 ธุรกิจโทรทัศน์ คิดเป็นร้อยละ 25 ธุรกิจวิทยุ คิดเป็นร้อยละ 25 ธุรกิจดิจิทัล และธุรกิจใหม่ คิดเป็นร้อยละ 8 และอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 2

ค่าใช้จ่ายรวมของปี 2567 จำนวนทั้งสิ้น 1,488 ล้านบาท ได้ติดตั้ง Solar Rooftop ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับสถานีส่วนภูมิภาคบางส่วน ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง ทั้งนี้ โครงสร้างค่าใช้จ่ายปี 2567 ประกอบด้วย ต้นทุนจากการขายและให้บริการ คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 69 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 22 ค่าใช้จ่ายในการบริการ คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 6 ค่าใช้จ่ายอื่น คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 3


ปี 2567 ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 317 ล้านบาท ซึ่งมีผลมาจากรายได้จากธุรกิจหลักที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมในปี 2567 ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับ ปี 2566

บมจ.อสมท ให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานด้านการเงินเพื่อหยุดการขาดทุน และการบริหารสภาพคล่องเป็นสำคัญ ตามแนวทาง ดังนี้ 1) การหารายได้จากธุรกิจสื่อดั้งเดิม และเร่งสร้างแหล่งรายได้ใหม่ 2) การลดค่าใช้จ่าย และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 3) ให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่องเป็นสำคัญ ภายใต้แนวทางข้างต้น โดยกำหนดวิสัยทัศน์ และพันธกิจ ให้สอดคล้อง

MCOT เดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ “ผู้นำในธุรกิจสื่อที่ได้รับการยอมรับ และสร้างการเติบโตในธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ อย่างมั่นคงและยั่งยืน” มุ่งสร้างการเติบโตผ่าน New S-Curve และเพิ่มมูลค่าจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับองค์กร ยกระดับศักยภาพการแข่งขัน พัฒนารูปแบบธุรกิจที่สร้างรายได้-ควบคุมต้นทุน พร้อมต่อยอดสู่การเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือ ด้วยการใช้ Marketing Analysis สร้างโอกาสและผลกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ผลิต เนื้อหาที่มีคุณค่า เสริมธุรกิจสื่อเดิม พร้อมมุ่งสู่ MCOT Digital Content & Platformตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคสื่อดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญการบริหารจัดการต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้องค์กรเกิดเสถียรภาพทางการเงิน คำนึงถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ


พร้อมเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยธุรกิจดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการใช้ข้อมูลทางการตลาดเพื่อสร้างคอนเทนต์ ขับเคลื่อนรายได้ผ่านแนวทางการตลาดดิจิทัล คอนเทนต์คุณค่า (Value-Driven Contents) โดยการใช้ข้อมูลอย่างแม่นยำ ขยายการเข้าถึง และเพิ่มประสิทธิภาพผ่านกลยุทธ์และเครื่องมือออนไลน์

ปัจจุบัน บมจ.อสมท ดำเนินธุรกิจสื่อสารมวลชน โดยมีธุรกิจหลัก อยู่ 4 ประเภท ได้แก่ธุรกิจโทรทัศน์ ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภาคพื้นดิน (Broadcast Network Operation) ธุรกิจวิทยุกระจายเสียง อสมท มีจำนวนคลื่นวิทยุ จำนวน 47 สถานี ทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ MCOT Radio Network และธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ เป็นรายได้จาก ส่วนแบ่งรายได้โฆษณาผ่าน Social Platform รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายContent จากการออกอากาศผ่านแพลตฟอร์มอื่นรายได้จากการให้บริการเช่าสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอ และห้องควบคุมออกอากาศและ รายได้จากธุรกิจฝึกอบรม

ในการประชุมผู้ถือหุ้น ได้มีการสอบถามถึงกรณีข่าว การนำที่ดิน 50 ไร่ของ MCOT ไปเป็น Entertainment Complex โดยคณะกรรมการ ยืนยันว่า มีกรอบเวลาที่จะเปิดให้ผู้สนใจลงทุนเสนอแผนภายในปีนี้ แต่ยังไม่มีนโยบายเรื่องการนำไปทำ Entertainment Complex นอกจากนี้ ยังมีการสอบถาม ว่าจะมีการขายเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนหรือไม่ คณะกรรมการ ระบุว่าในการบริหารจัดการโครงสร้างด้านการเงิน บริหารสภาพคล่องมีหลากหลายวิธี การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนก็ถือเป็นแนวทางหนึ่ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาแนวทางดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บมจ.อสมท จะเลือกวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย