รัฐสภา 27 พ.ค.-“ภูมิธรรม” ย้ำการหารือพูดคุยอดีตนักการเมืองและกลุ่มวิชาชีพต่าง ๆ วานนี้ เป็นกลุ่มคนที่สนใจปัญหาบ้านเมืองและอยากเห็นทางออกของประเทศ ส่วนอนาคตจะเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ ขึ้นอยู่สถานการณ์
นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการรวมของอดีตนักการเมืองและกลุ่มวิชาชีพต่าง ๆ หารือพูดคุยสถานการณ์บ้านเมืองเมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ว่า เป็นกลุ่มเพื่อนที่มีความห่วงใยต่อปัญหาบ้านเมือง เป็นครั้งแรกที่หารือกับกลุ่ม ส่วนจะเป็นกลุ่มอะไร จะมีการหารืออีกระยะ วันนี้พูดได้เพียงว่า 35 คนนี้มีความต่างวัย หลายหลายวิชาชีพ หลากหลายประสบการณ์ มีทั้งคนที่เป็นคณบดี ผู้อำนวยการสถาบัน นักเขียนมือรางวัล นักธุรกิจ ซึ่งทุกคนห่วงใยบ้านเมือง อยากเห็นบ้านเมืองมีทางออกอย่างไร ต้องมาคุยกันใน 3 ระยะ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ มองว่า พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะเป็นปัญหาต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 150 วัน หลังทุกอย่างคลี่คลาย จะเป็นปัญหาในความรุนแรงของปัญหา ไม่ทราบว่ารัฐบาลตระหนักรับรู้อย่างไร และเข้าใจวิกฤตินี้หรือไม่ว่า วิกฤตินี้จะเป็นปัญหาใหญ่หลวง ส่วนระยะยาว ถ้าไม่มีกฎกติกาประชาธิปไตยที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ก็จะหาทางออกประเทศได้ยาก ส่วนอนาคตกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มอะไร การพูดคุยครั้งหน้าจะชัดเจน ซึ่งชื่อกลุ่มแคร์หรือกลุ่มห่วงใย เป็นลักษณะการรวมตัวของพวกเราที่ห่วงใย
ส่วนอนาคตจะเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรม บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ กล่าวเพียงว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการรวมตัวของประชาชน หรือการรวมตัวที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคหรือสถาบันการเมือง แต่ยอมรับพรรคการเมืองจะเป็นบทบาทหลักในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ อยากส่งสัญญาณให้เห็นว่าใครก็ตามที่สนใจบ้านเมือง และอยากให้ได้รับการแก้ไข น่าจะมีบทบาทและกล้าเข้ามา ส่วนจะเป็นพรรคการเมือง ก็เป็นเรื่องในอนาคตที่เป็นได้ แต่ไม่ใช่เจตนารมณ์เริ่มแรกที่จะมาตั้งพรรคการเมือง
นายภูมิธรรม กล่าวชี้แจงเหตุผลว่าทำไมไม่ทำในนามพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักการเมืองจะไปหารือแลกเปลี่ยนกับกลุ่มต่าง ๆ ส่วนจะเป็นการส่งสัญญาณว่าจะลาออกจากพรรคเพื่อไทย แล้วตั้งพรรคใหม่ ยังเร็วเกินไปที่จะพูดในขณะนี้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ย้ำจุดเริ่มต้นคือความห่วงใยบ้านเมืองต่อปัญหาบ้านเมือง และจะชักชวนคนให้มาร่วมมากกว่านี้ พร้อมให้เหตุผลที่ไม่ทำในนามพรรค เพราะไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในพรรคเพื่อไทยแล้ว จึงทำในฐานะประชาชนที่สนใจปัญหาบ้านเมือง ส่วนจะเป็นพรรคการเมืองเมื่อใด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความพึงพอใจของผู้มารวมกลุ่ม.-สำนักข่าวไทย