กรุงเทพฯ 22 พ.ค.- กองปราบตั้งทีมล่าความจริง แม่ปุ๊กวางยาลูก หลอกรับบริจาคเงิน เบื้องต้นเจ้าตัวยืนกรานปฏิเสธ
น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ แม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี ชาว กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ,พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย,ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน” ถูกตำรวจกองปราบจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งภายในซอยเทิดราชัน 13 ถ.เทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนว่าผู้ต้องหารายนี้ได้มีการพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนโดยการโพสต์ข้อความเปิดรับบริจาคเงินและหลอกขายสินค้า เช่นหน้ากากอนามัยผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่าจะนำเงินไปรักษาลูกซึ่งป่วยเป็นโรคประหลาดมีไม่กี่คนที่เป็น จนมีคนหลงเชื่อจ่ายเงินสั่งสินค้าและบริจาคเงินช่วยเหลือกว่า 3,000 ราย มีการโอนเงินกว่า 8,000 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง จนกระทั่งพบความผิดปกติในคดีหลายอย่าง โดยเฉพาะอาการป่วยประหลาดของน้องอิ่มบุญ เด็กชายอายุ 3 ขวบ ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นลูกแท้ๆของตัวเอง หลังมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ตัวบวมเดินไม่ได้ จนต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต ก่อนที่ต่อมาทางแพทย์จะมีการตรวจพบสารเคมีประเภทออกฤทธิ์เป็นกรด คล้ายกับสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือ น้ำยาซักฟอก ในร่างกายจำนวนมาก
ประกอบจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหารายนี้ยังพบอีกว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยได้รับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อน้องอมยิ้ม อายุ 3 ขวบ มาอุปถัมภ์เลี้ยงดู ก่อนที่ต่อมาจะเสียชีวิตลงด้วยอาการป่วยประหลาดลักษณะเดียวกัน จึงทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาการป่วยของเด็กทั้งสองคนจะเกิดจาการกระทำของผู้ต้องหารายนี้เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเงินจากคนอื่น จึงได้พยายามรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆจนนำไปสู่การออกหมายจับและสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพข้อหาฉ้อโกงประชาชนจริง เพราะไม่ได้มีการส่งสินค้าให้กับผู้เสียหาย แต่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนทำให้เด็กทั้ง 2 คนป่วยหนักและเสียชีวิต แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวว่า ภายหลังทราบเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. ตั้งคณะทีมสืบสวนสอบสวนขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวอย่างละเอียด แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลทางคดีได้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ยังมีไม่มากพอ ส่วนการที่ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธนั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ตนเชื่อว่าทางชุดสืบสวนกองปราบจะสามารถสืบหาข้อเท็จจริงมาเอาผิดกับผู้ต้องหารายนี้ได้อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย