ศบค. เผยพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย

ทำเนียบฯ 18 พ.ค.- ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่กลุ่มกิจการที่เปิดให้บริการ ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรการร้อยละ 90 ขึ้นไป ขณะที่ ผู้ประกอบการลงทะเบียนผ่านเว็บไทยชนะ แล้ว 46,744 ร้านค้า โดยมีผู้ใช้บริการกว่า 2 ล้านคน


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (18 พ.ค.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3,031 ราย รักษาหาย 2,857 ราย รักษาอยู่ 118 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 56 ราย 

ผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ในที่ทำงานกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มป่วยด้วยอาการถ่ายเหลว และตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม และรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดนนทบุรี


รายที่สองเป็นชายไทยอายุ 55 ปี ประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันในที่ทำงานเดียวกันกับผู้ป่วยรายแรก และเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 15 พฤษภาคมและรักษาตัวที่โรงพยาบาลเดียวกับผู้ป่วยรายแรก 

รายที่สาม เป็นหญิงไทย อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต อาชีพพนักงานขายสินค้า มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ และเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 15 พฤษภาคม และรักษาตัวต่อที่จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เดินทางเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ 1 มีนาคมถึง 17 พฤษภาคม พบจำนวน 14 ราย โดยเป็นหญิงมากกว่าชาย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่สถานบันเทิง ร้านนวด ร้านอาหาร โรงแรม

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 4,801,875 ราย เสียชีวิต 316,671 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,527,664 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่  70 ของโลก ส่วนประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีของอิตาลีแถลงว่าการผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองและกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง อาจเสี่ยงต่อการเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องยอมรับหากเกิดขึ้น ทั้งนี้อิตาลีเตรียมอนุญาตให้ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานเสริมความงาม และพิพิธภัณฑ์เปิดทำการวันพรุ่งนี้  ส่วนอินเดียขยายเวลาล็อกดาวน์ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม เนื่องจากมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 90,000 ราย  


โฆษก ศบค. กล่าวว่า ด้านผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคของเกาหลีใต้ระบุว่าการหย่อนวินัยเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโควิด-19  ทั้งนี้ที่กรุงโซลและเมืองอินชอนได้บังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยทุกคนที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะและเมืองแทกูให้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน ถ้าไม่ใส่หน้ากากอนามัย จะปรับสูงสุด 50,000 บาท นอกจากนี้ในกรุงโซลยังคงปิดสถานบันเทิงทุกแห่ง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดจากการเที่ยวผับย่านอิแทวอน โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อจากเคสนี้รวม 168 รายแล้ว

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า การสรุปผลการเฝ้าระวังตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วยการสำรวจ 6 กลุ่มกิจการ ทั้งตลาด ร้านอาหาร  ซุปเปอร์มาร์เก็ต สวนสาธารณะ ร้านเสริมสวย ร้านตัดขนสัตว์ ระหว่าง 7-15 พฤษภาคม จำนวน 2375 แห่งทั่วประเทศ พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 ขึ้นไปปฏิบัติตามมาตรการ โดย สถานประกอบการ เจ้าของตลาด ผู้ซื้อและผู้บริโภค สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการ และผู้ค้า ผู้สัมผัสอาหาร ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนและหลังปฏิบัติงาน  รวมถึงมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และทำความสะอาดสถานที่เป็นประจำ ทั้งก่อนและหลังเปิดให้บริการ 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า มาตรการที่ควรเน้นย้ำ คือการกำหนดจำนวนคนต่อพื้นที่ ระยะเวลาการใช้บริการ การทำความสะอาดห้องน้ำ และจุดเสี่ยงต่าง ๆ  อีกทั้งผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยและใส่แผ่นครอบหน้าและมีเสื้อคลุมที่สะอาดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วย

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ภายหลังมีการเปิดแพลตฟอร์มไทยชนะ โดยให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนผ่าน www.ไทยชนะ.com วานนี้ (17 พ.ค.) เป็นวันแรก พบว่า ตลอดทั้งวันจนถึงเวลา 20.00 น. มีจำนวนร้านค้าที่ลงทะเบียน 44,386 ร้านค้า จำนวนผู้ใช้งาน 2,002,897 คน จำนวนการเข้าใช้งานด้วยการเช็คอิน 2,658,754 คน เช็คเอาท์ 1,845,191 คน และมีผู้ประเมินร้านค้า 1,258,261 คน 

จังหวัดที่ผู้ให้บริการลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่กรุงเทพมหานคร 14,187 ร้าน ชลบุรี 2,819 ร้าน นนทบุรี 2,457 ร้าน สมุทรปราการ 1,934 ร้าน และ ปทุมธานี 1,686 ร้าน ทั้งนี้พบว่าการลงทะเบียนส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในห้างสรรพสินค้ามากที่สุด รองลงมาคือ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต และการจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 

ขณะที่ประชาชนเข้าใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้ามากที่สุด รองลงมาคือซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารเครื่องดื่ม ศูนย์อาหาร การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคผู้บริโภค และร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และเมื่อใช้บริการเสร็จสิ้นได้มีการประเมินร้านค้าโดยส่วนใหญ่ให้คะแนนอยู่ในระดับที่ดี

ส่วนข้อมูลล่าสุดวันนี้ (18 พ.ค.) เวลา 06.00 น. มีจำนวนร้านค้าลงทะเบียน 46,744 ร้านและจำนวนผู้ใช้บริการ 2,725,877 คน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย