พาณิชย์เกาะติดสงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่

นนทบุรี 9 พ.ค. – พาณิชย์ติดตามสงครามการค้ารอบใหม่ หลังสหรัฐขู่ยกเลิกข้อตกลงการค้าระยะแรกกับจีน ชี้ไทยใช้โอกาสส่งออกสินค้าทดแทน 2 ประเทศ ชูสินค้ากลุ่มอาหาร


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงความกังวลว่าสหรัฐและจีนอาจกลับมามีความขัดแย้งทางการค้ากันอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ให้ สัมภาษณ์ว่า สหรัฐอาจยกเลิกข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกกับจีน หากจีนไม่ทำตามข้อตกลงการซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 2 ปี (วันที่ 1 ม.ค. 2563 – 31 ธ.ค. 2564) โดยสหรัฐพร้อมจะกลับมาใช้มาตรการกับจีนเพิ่มเติม โดยอ้างเหตุการพบความเชื่อมโยงระหว่างจีนและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังสร้างความเสียหายต่อประชากรและเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ การที่สหรัฐเร่งผลักดันให้จีนซื้อสินค้าอาจเกิดจากความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนหดตัวครั้งแรกในรอบ 33 ปี จะเป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าสินค้าสหรัฐตามที่จีนตกลงไว้ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารกดดันให้จีนซื้อสินค้าพลังงานจากสหรัฐเพิ่มขึ้น ภายหลังจากจีนมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 19 – 20 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่นำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐน้อยมาก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันลงนามข้อตกลงฯ 15 มกราคม 2563 จีนทยอยดำเนินการตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ อาทิ ด้านการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร จีนยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าและเพิ่มความสะดวกการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐหลายรายการ เช่น สัตว์ปีกและสินค้าสัตวปีก อาหารสัตว์ โปรตีนจากสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม นมผงทารก และมันฝรั่งสด


อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการค้าสหรัฐ – จีน ไตรมาสแรกของปี 2563 จีนนำเข้าจากสหรัฐกลุ่มสินค้าภายใต้ ข้อตกลงฯ เป็นมูลค่ารวม 19,995 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.1 เทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน จากกลุ่มอุตสาหกรรมและสินค้ากลุ่มพลังงานที่ชะลอตัวลงร้อยละ 17.0 และ 69.1 ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาคการผลิตและเศรษฐกิจจีนชะงักงันช่วงต้นปี ขณะที่จีนนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 104.3 และมีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่เติบโตสูง อาทิ เนื้อและ เครื่องในสุกร สัตว์ปีก ข้าวฟ่าง ฝ้าย อย่างไรก็ตาม จีนมีการนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ เพียงร้อยละ 11.8 ซึ่งไม่ถึง 1 ใน 4 ของมูลค่าที่จีนตกลงจะนำเข้าทั้งปี 169,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้สหรัฐเร่งผลักดันให้จีนนำเข้าเพิ่มขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงฯ ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรก กำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานประเมินและระงับข้อพิพาท2 ฝ่าย ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถหารือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในการดาเนินการตามข้อตกลงฯ ได้

ส่วนการใช้มาตรการกับจีนเพิ่มเติม โดยอ้างเหตุความเชื่อมโยงระหว่างจีนกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ขณะนี้ทางการสหรัฐอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลที่มาของการแพร่ระบาดเพิ่มเติมและพิจารณามาตรการที่อาจนำมาใช้กับจีน เช่น การคว่ำบาตร การยกเลิกการจ่ายคืนหนี้ที่กู้ยืมจากจีนในรูปพันธบัตร และนโยบายทางการค้าใหม่เพิ่มเติมจากเดิม นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์อาจใช้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เร่งผลักดันการโยกย้ายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีนมากขึ้น

นอกจากนี้ ท่ามกลางสงครามการค้าปีที่ผ่านมา แม้ว่าการส่งออกจากไทยไปจีนจะหดตัวร้อยละ 3.8 แต่การส่งออกไปสหรัฐยังคงขยายตัวดีที่ร้อยละ 11.8 และไทยยังมีโอกาสในทั้ง 2 ตลาด ด้วยความสามารถในการทดแทนสินค้าที่สหรัฐและจีนขึ้นภาษีระหว่างกัน โดยปี 2562 ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.35 จากร้อยละ 1.26 ในปี 2561 สินค้าที่เติบโตดีในตลาดสหรัฐ อาทิ อาหารทะเล แช่แข็งและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 1.0 ผลิตภัณฑ์พลาสติก ขยายตัวร้อยละ 15.9 รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 6.9 เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 6.6 เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และ ของใช้ในบ้านเรือน ขยายตัวร้อยละ 32.8 เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ขยายตัวร้อยละ 93.1 รวมทั้งมีส่วนแบ่งใน ตลาดจีนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.23 จากร้อยละ 2.10 ในปี 2561 สินค้าที่เติบโตดีในตลาดจีน อาทิ กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 69.7 เครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 23.4 เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า ขยายตัวร้อยละ 21.0 และ เครื่องสาอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ขยายตัวร้อยละ 34.8


สำหรับการส่งออกของไทยปี 2563 พบว่าสินค้าที่เคยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่าง อิเล็กทรอนิกส์ สัดส่วนร้อยละ 14 ของการส่งออกรวม กลับมาขยายตัวตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 สะท้อนการปรับตัวของการส่งออกไทย ทำให้ผลกระทบของสงครามการค้าต่อการส่งออกไทยเริ่มลดลง และอานิสงส์จากการที่ไทยสามารถเป็นห่วงโซ่การผลิตทดแทนสินค้าจีนในช่วงโรงงานในอู่ฮั่นปิดทำการจาก โควิด-19 โดยไตรมาสแรกของปี 2563 การส่งออกกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวร้อยละ 4.5 สินค้าที่เติบโตได้ดี อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 8.8 เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวร้อยละ 229.2 วงจรพิมพ์ ขยายตัวร้อยละ 6.3 เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์ ขยายตัวร้อยละ 26.3 และการเติบโตกระจายตัวในหลายตลาดมากขึ้น ได้แก่ สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 39.1 ฮ่องกง ขยายตัวร้อย ละ 1.0 จีน ขยายตัวร้อยละ 14.6 สิงคโปร์ ขยายตัวร้อยละ 22.8 เวียดนาม ขยายตัวร้อยละ 20.4 ไต้หวัน ขยายตัวร้อยละ 28.7 เกาหลีใต้ ขยายตัวร้อยละ 6.5 และอินโดนีเซีย ขยายตวั ร้อยละ 7.1 

อย่างไรกตาม ยังต้องประเมินแนวโน้มการทดแทนอีกสักระยะว่าประเทศผู้นำเข้าจะใช้แหล่งทางเลือกทดแทนจีน เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างถาวรหรือไม่ ภายหลังโรงงานในจีนกลับมาเปิดทำการตามปกติ นอกจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารขยายตัวได้ดีตอบสนองแนวโน้มความต้องการความมั่นคงทางอาหารท่ามกลางสถานการณโควิด-19 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ไกสด แช่เย็นและแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 28.6 ผักกระปองและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 11.7 ผลไม้กระปองและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 9.0 สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 12.1

ทั้งนี้ ในภาพรวมถือว่าผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวรองรับสงครามการค้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์และท่าทีระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะขณะนี้สหรัฐกำลังเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเดือนพฤศจิกายน 2563 ช่วงนี้ประธานาธิบดีทรัมป์อาจออกนโยบายหรือมาตรการอื่น ๆ กับจีนเพิ่มเติมอีก และจากข้อมูลการค้าสหรัฐ-จีนภาพรวมครอบคลุมสินค้าทุกรายการ (ไม่ใช่เพียงสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ) พบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2563 จีนนำเข้าจากสหรัฐเป็นมูลค่า 27,477 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.6 เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ขณะที่จีนส่งออกไปสหรัฐ 68,183 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงถึงร้อยละ 25.1 โดยสหรัฐเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าจีน 40,706 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว พบว่าสหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนลดลงเกือบ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]