กรุงเทพฯ 8พ.ค.-กองปราบตามรวบสาว ใช้รูปปลอมหลอกหนุ่มโอนเงิน 26 ครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 107,450 บาท หลังเพิ่มได้ประกันตัวอีกคดี เจ้าตัวรับหลอกผู้เสียหายอีกหลายราย ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด
ตำรวจกองปราบปราม จับกุม น.ส.ลักขณา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ. 93/2563 ลง 7 พ.ค. 63 ในข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ หรือดัดแปลง โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง และฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
โดยจับกุมได้บริเวณริมถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศาลอาญา แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หลังผู้ต้องหาถูกตำรวจ สภ.องครักษ์ ร่วมกับ สน.ดินแดง จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2746/2560 ลง 13 ธ.ค. 63 ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และได้ประกันตัว
โดยคดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 63 ได้มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ว่าได้ถูกหญิงสาวใช้รูปสาวสวยคนอื่นมาสร้างเฟซบุ๊กชื่อ “พราว ปุณยวีร์” และพูดคุยทำนองเชิงชู้สาว โดยฝ่ายหญิงขอให้ผู้เสียหายช่วยโอนเงินเพื่อนำไปใช้จ่าย ค่าซื้อของใช้ เสื้อผ้า รองเท้า แหวน ค่าจองห้องพัก กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อยอมโอนเงินไปให้กว่า 26 ครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 107,450 บาท เมื่อผู้เสียหายต้องการจะขอพบ โดยขอคุยทางวีดีโอคอล ฝ่ายหญิงบ่ายเบี่ยงว่าวีดีโอคอลไม่เป็น และยังไม่พร้อมที่จะให้เห็นตัวจริง แต่สุดท้ายได้ปิดเบอร์โทรศัพท์หนี และไม่สามารถติดต่อได้อีก ต่อมาเมื่อได้มีการตรวจสอบบัญชีเงินฝากที่ให้โอนเงินไป ทราบว่าเป็นบัญชีของผู้ต้องหา ซึ่งภายหลังได้ดูภาพถ่ายแล้วเป็นคนละคนกับคนในเฟซบุ๊ก จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าร้องทุกข์กับ พงส.สภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.ขอนแก่น จึงขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหา
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้หลอกลวงผู้เสียหายที่ จ.ขอนแก่น จริง และยังรับอีกว่านอกจากนี้ยังได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ อีกหลายราย ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด .-สำนักข่าวไทย