สธ.ร่วม หอการค้าไทย วางระบบก่อนเปิดเมืองพรุ่งนี้

สำนักข่าวไทย  2 เม.ย.- สธ. ร่วมหอการค้าไทย  วางระบบ ก่อนเปิดบริการพรุ่งนี้ ให้ภาคเอกชน เข้าไปประเมินกิจการตนเอง ผ่าน เว็บไซต์  THAI STOP COVID และ thai.care. เพื่อปรับปรุงแนวทางของกิจการ ทั้งความห่างที่เหมาะสม ระยะเวลาการทำกิจกรรม   และรูปแบบการจ่ายเงิน หลังใช้บริการของความร่วมมือจ่ายผ่านโมบายแบงกิ้งลดการใช้เงินสด  ส่วนประชาชนที่ใช้บริการของความร่วมมือ เข้าไปเช็คอิน-เช็คเอาท์ในไลน์ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในอนาคต กรณีการสอบสวนโรค หากพบในสถานบริการมีความติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้มั่นใจเปิดเมืองต้องปลอดภัย ปลอดโรค 

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวว่า  การผ่อนปรนมาตรการภาคธุรกิจ ต่างๆ ที่จะกลับมาเริ่มเปิดบริการได้ ใน 3 พฤษภาคม นี้ เพื่อให้เปิดเมืองอย่างปลอดภัย  ในอนาคตเตรียมจ้างงาน ผู้ที่ว่างงาน มาทำงานในรูปแบบของอาสาสมัครรอบรู้สุขภาพ คอยสอดส่องดูแล ความปลอดภัยในบริการต่างๆที่จะเปิดขึ้น และยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง การเปิดให้มีการตรวจสอบซึ่ง กันและกัน ทั้งใน ผู้ใช้บริการ และ ผู้ประกอบการ เช่น ร้านอาหาร หากเข้าไปใช้บริการ พบว่า ไม่มีการเว้นระยะ  ความหนาแน่น ไม่มีการวัด ไข้ เจลล้างมือ  ตรงนี้ สามารถแจ้งเตือน ผ่านแอปพลิเคชั่น ที่จัดทำขึ้น  และในอนาคตหากทำดีต่อไป จะมีการ จัดเรตติ้ง ให้กับร้านที่มีความสะอาดปลอดภัยจากโควิด-19 จากภาครัฐ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นโอกาสในอนาคต พลิกฟื้นด้านการท่องเที่ยว กลายเป็นประเทศที่สะอาดปลอดภัย น่าท่องเที่ยวไปทั่วโลก  

พญ.พรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับ กิจการที่ได้รับการผ่อนปรน เมื่อเปิดกิจการ สิ่งต้องมีการ ทบทวน และดำเนินการ อย่างเข้มงวด  คือ ความสะอาด พนักงานผู้ให้บริการต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน มีการสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า คนให้บริการต้องมีสุขภาพที่ดี พร้อมจัดบริการ ทั้ง อ่างล้างมือ หรือ เจลล้างมือให้เมื่อเข้ามาใช้บริการ คนที่ใช้บริหารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นบางเวลา เช่น กรณีการรับประทานอาหาร  ทางร้านต้องจัดการเว้นระยะห่าง จัดรูปแบบกิจกรรม ทำให้จุดบริการมีการเว้นระยะห่าง หรือ ให้บริการสั้นที่สุด อาศัยการควบคุมจำนวนคน ถ้าเป็นพื้นที่กิจกรรมกีฬา เน้นเฉพาะการออกกำลังกาย ไม่มีการรับประทานอาหาร  

พญ. พรรณพิมล กล่าวว่า มาตรการผ่อนปรน ในร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ต้องดูแลตั้งแต่จุดทางเข้า มีการคัดกรอง วัดไข้ มีคนให้บริการต้องสวม หน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า มีมาตรการทำความสะอาด อุปกรณ์เป็นรอบ ทุกครั้ง ที่ให้บริการเสร็จในลูกค้าแต่ละคน มีการเก็บทำความสะอาด เก้าอี้ ที่จัดบริการ ผมที่ถูกตัดต้องเก็บทิ้งทันที ซึ่งผู้มารับบริการแต่ละคน ต้อง มีการเช็คอิน และเช็คเอาท์ ใน ไลน์ของร้านค้าทุกครั้ง เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลในสอบสวนโรคในอนาคต หากมีใครติดเชื้อโควิด-19 ส่วนผู้ประกอบการต้องเข้าไปสอบทานข้อมูลก่อนเปิดกิจการ ในวันพรุ่งนี้ได้ที่ แพลตฟอร์ม  เว็บไซต์ ไทยสต็อปโควิด (THAI STOP COVID ) ของกรมอนามัย  ว่าธุรกิจของตนเอง ต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เพื่อความมั่นใจ 

 

ด้าน นาย วิชัย อัศรัสกร  รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า การปิดกิจการภาคธุรกิจ จากผลกระทบโควิด -19 ทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย แต่เปิดบริการแล้ว ต้องปลอดภัย และมีมาตรการมารองรับ ซึ่งมาตรการผ่อนปรนที่ออกมานี้ ผ่านการคิดวิเคราะห์โดยหอการค้าจังหวัด และภาคธุรกิจอื่น ร่วมกับแพทย์ระบาดวิทยา โดยจัดความเสี่ยง เป็นธุรกิจเสี่ยงสูง ต่ำ กลาง เมื่อเปิดเมืองมาปกติ มาตรการที่ออกมาเป็นกฎหมาย แต่การบังคับใช้ ยังต้องอาศัย  ความร่วมมือจากประชาชน  คือ สิ่งสำคัญที่สุด เพราะกฎหมายอาจไม่เพียงพอในการบังคับใช้ ขณะนี้ กระทรวงการคลัง ให้ ธนาคารกรุงไทย มาช่วยดูแล ประสานความร่วมมือ  เชื่อมโยงข้อมูลส่งเสริม ข้อมูลที่ถูกต้องปลอดภัย ผ่าน เว็บไซด์ ไทยดอทแคร์  thai.care. ขอความร่วมมือภาคธุรกิจเข้าไปลงทะเบียน  เพื่อประเมินความเสี่ยงขอธุรกิจตนเอง เสี่ยงสูง หรือ เสี่ยงต่ำ  และรับข้อปฏิบัติ  ขณะเดียวกัน ภาคประชาชน เมื่อใช้บริการ ขอความร่วมมือเข้าไปเช็คอิน เช็คเอาท์ ผ่านระบบไลน์  ที่ทุกคนสามารถเป็นเพื่อนได้ง่าย และมีคนใช้บริการมากถึง 44 ล้านคน เชื่อมั่น หลังผ่านวิกฤติโควิด-19 รูปแบบกิจการและการทำงานของประชาชนจะเปลี่ยนไป  คนจะหันมาทำงานเวิร์คฟอร์มโฮมกันมากขึ้นเนื่องจากสะดวก .-สำนักข่าวไทย