ทำเนียบฯ 28 เม.ย.-นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบประเด็นการเมืองช่วงนี้ ระบุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอให้ดูที่เจตนารมณ์และความมุ่งมั่นรัฐบาล ขอบคุณ 20 มหาเศรษฐีร่วมมือรัฐบาล ยันไม่มีให้เงินและผลประโยชน์ตอบแทน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่ขอตอบในประเด็นการเมือง เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญในช่วงนี้ โดยขอเน้นเรื่องการทำงานมากกว่า ที่จะดูแลฟื้นฟู คืนความสุขให้แก่ประชาชนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ส่วนเรื่องใดที่สร้างความบิดเบือน สร้างความไม่เข้า ไม่มีประโยชน์ คิดว่าไม่ควรพูดดีกว่า พร้อมทั้งขอร้องประชาชน ที่จะมีคนเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ขอให้ช่วยกันมองถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งไม่สามารถที่จะดูแลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ต้องดูความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก โดยยึดด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนในการให้ความร่วมมือรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐี ว่า ได้รับฟังความคิดเห็นจากภาพขนาดใหญ่ ทั้ง 20 รายที่ได้ทยอยตอบกลับมาแล้ว ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามีใคร จะให้เงินรัฐบาล มีแต่การอธิบายว่าได้ดูแลในองค์กร อย่างไรแล้วบ้าง ทั้งการจ้างงาน หาอาชีพเสริมให้ลูกจ้าง พร้อมยังเสนอแนะด้านเศรษฐกิจให้รัฐบาล โดยมีความเห็นตรงกันในเรื่องการบริหารจัดการน้ำที่จะต้องทำให้เกิดความทั่วถึง และพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนมีแหล่งน้ำ และสัญญาว่าจะดูแลประชาชนให้มากขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาเชิงซ้อน และร่วมมือกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต แม้ที่ผ่านมาจะได้ให้ความร่วมมือในหลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถดูแลประชาชนได้ 100% จึงจำเป็นต้องอาศัยภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาร่วมมือ ซึ่งในช่วงนี้ควรจะเป็นช่วงเวลาที่จะต้องให้ความร่วมมือกันมากที่สุด ไม่ควรจะมีข้าง แต่ควรจะมีข้างเดียวกันทั้งหมดที่จะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุดให้สมกับความเป็นไทย มีอัตลักษณ์ความเป็นไทย มีน้ำใสใจคอที่เผื่อแผ่แบ่งปัน และมีจิตสำนึก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นตรงกับรัฐบาลว่าโลกหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งในเรื่องการดำรงชีวิต โดยเฉพาะสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต้องสานต่อตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศอย่างเต็มรูปแบบ หรือสูงสุดในอนาคต เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณภาคธุรกิจใหญ่ 20 รายที่ไม่มีใครร้องขอผลประโยชน์จากรัฐบาล และยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการตอบแทนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน จึงขออย่าไปรับฟังข่าวบิดเบือน และได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวงติดตามคำพูดที่มีการบิดเบือนจนทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงาน โดยใช้กฎหมายเข้าไปดูแล ไม่ได้เป็นการละเมิดหรือละเมิดใคร หากให้ข่าวบิดเบือน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
“วันนี้ต้องไม่ลืมว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการควบคุม ที่มีความรุนแรงกว่ากฎหมายปกติ และขอย่าละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะทำให้เราปลอดภัย ได้รับการชื่นชมจากทั้งในและต่างประเทศ ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีอะไรปิดบังทั้งสิ้น เป็นไปตามข้อมูลที่มีอยู่ และขอความร่วมมือ ความเข้าใจจากทุกคน อย่ามองในทางที่ผิดไปทั้งหมด” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย