กกพ.หารือ 3 การไฟฟ้าอุ้มค่าไฟฟ้าครัวเรือน รับกระทบสภาพคล่อง

กรุงเทพฯ 27 เม.ย. – สำนักงาน กกพ.หารือ 3 การไฟฟ้า ดูแลค่าไฟฟ้าทุกครัวเรือนตามมติ ครม. 21 เม.ย.ใช้เงินรวมกว่า 2.36 หมื่นล้านบาท เงินบริหารจัดการขาด 1.1 หมื่นล้านบาท ดึงเงินล่วงหน้ามาดูแลสภาพคล่องของ 3 การไฟฟ้าอาจกระทบ 


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวว่า ได้หารือกับ 3 การไฟฟ้า ในการเข้ามาดูแลลดค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าภาครัวครัวเรือนเพิ่มเติม ตามมติ ครม.วันที่ 21 เมษายน 2563 ที่ให้เยียวยาประชาชนที่ร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทางกระทรวงพลังงานประเมินว่าจะใช้เงินรวม 23,688 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงอาจไม่สูงถึงวงเงินดังกล่าว เพราะมีการประเมินที่ซ้ำซ้อนกับมาตรการที่ช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้ ช่วยผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้มิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ ใช้ไฟฟ้าฟรีเพิ่มเติมจากเดิม 50 หน่วย เป็น 90 หน่วย และของใหม่ ไม่จำกัดจำนวนหน่วย อย่างไรก็ตาม วงเงินที่ใช้จะสูงกว่าเงินบริหารจัดการของ กกพ.ที่มาจากเงินเรียกคืนฐานะการเงินและการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนในโครงการที่ไม่มีความจำเป็นหรือไม่มีประสิทธิภาพ (Crawl Back) ซึ่งจะมีการประเมินบทปรับการลงทุนของการไฟฟ้าหลังจากสิ้นปีบัญชีเป็นประจำทุกปี โดยต้องใช้วงเงินในปี 2562-2563 มาดำเนินการ 

ดังนั้น จึงให้ 3 การไฟฟ้าไปจัดทำการประเมินสภาพคล่องของแต่ละองค์กรจะเป็นอย่างไร และให้กลับมาประชุมร่วมเพื่อสรุปสัปดาห์นี้ โดยให้ดูถึงว่าจะได้รับผลกระทบหากต้องมีการจ่ายเงินส่วนนี้ล่วงหน้าหรือไม่  ซึ่งต้องยอมรับว่าจากพิษโควิด-19 ทำให้การใช้ไฟฟ้าปีนี้หดตัวกระทบรายได้ของการจำหน่ายไฟฟ้า  โดยกระทรวงพลังงานประเมินว่าการใช้ไฟฟ้าปีนี้อาจะลดลงจากคาดการณ์ถึง 2,000 ล้านหน่วย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 การไฟฟ้า พร้อมที่จะดำเนินการตามมติ ครม. เพื่อช่วยเหลือภาคประชาชน 


“เบื้องต้นประเมินว่า วงเงินบริหารจัดการปี 2562-2563 อาจจะไม่เพียงพอ จึงให้ 3 การไฟฟ้าไปทำตัวเลขสภาพคล่องโดยรวม และหากไม่พอจริง ๆ ก็อาจจะให้การไฟฟ้าบางแห่งต้องจ่ายการประเมินฐานะการเงินที่เรียกคืนปี 2564 มาก่อน เพราะโควิด-19 กระทบภาคประชาชนอย่างหนัก การใช้ไฟฟ้าก็ลดลงด้วยก็ต้องดูภาพรวม ๆ ทั้งหมด” นายคมกฤช กล่าว

สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงอุปกรณ์บางส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยระบุว่าเป็นการจัดซื้อที่มีราคาแพงเกินจริงจนเป็นสาเหตุทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพง เลขาธิการ สำนักงาน กกพ. กล่าวว่า  ตามหลักการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าแล้ว กกพ.จะกำกับดูแลการดำเนินการ เช่น ค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มเกินกำหนดหรือไม่  โดยเทียบเคียงกับต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียดการจัดซื้อจ้างเป็นรายโครงการย่อย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมา กกพ.จะคุมเข้มเรื่องของการใช้เงิน โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าว่าเป็นไปตามงบประมาณหรือไม่ รวมถึงบีบราคาโครงการลง เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าและผลตอบแทนการลงทุนที่สูงเกินจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกพ.ได้รายงานกระทรวงพลังงาน โดยได้จัดทำตัวเลขเงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้าจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 พบว่า เมื่อหักมาตรการบรรเทา COVID-19 ด้วยส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 เป็นเวลา 3 เดือน (มีนาคม-พฤษภาคม) รวม 5,610 ล้านบาทไปแล้ว จะมีเงินคงเหลือประมาณ 9,159 ล้านบาท และเมื่อรวมเงินเรียกคืนฐานะการเงินปี 2561 แล้วจะมีเงินคงเหลือรวม  12,492 ล้านบาท  หากหักการประเมินลดค่าไฟฟ้าตามมาตรการ ครม.วันที่ 21 เมษายนที่ 23,668 ล้านบาทแล้ว  ยอดวงเงินที่ต้องการสนับสนุนจากเงินบริการจัดการที่มา 3 การไฟฟ้าจะมีประมาณ 11,175 ล้านบาท  


สำหรับมติ ครม.วันที่ 21 เมษายน การช่วยเหลือผลกระทบจากโควิด-19 เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านครอบคลุมทุกครัวเรือน 22 ล้านครัวเรือน ในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม แบ่งเป็น  2 กลุ่ม คือ 1. มิเตอร์ไฟขนาดไม่เกิน 5 แอมป์ จะได้ใช้ฟรีทั้งหมด 2. มิเตอร์ไฟขนาดเกิน 5 แอมป์ จะมีข้อกำหนดคือ หากแต่ละเดือนใช้มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์  แต่ไม่เกิน 800 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือนกุมภาพันธ์  แต่หากใช้เกิน 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือนกุมภาพันธ์บวกกับส่วนที่เกิน ซึ่งได้รับส่วนลดร้อยละ 50  และหากใช้เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือนกุมภาพันธ์บวกกับส่วนเกิน ซึ่งได้รับส่วนลดร้อยละ 30 โดยการลดหย่อนดังกล่าวจะมีการคืนค่าใช้จ่ายให้ในรอบบิลถัดไป.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สีสันวันมงคล ครม.

26 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีถือฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ขณะที่ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ละคนถือเคล็ดต่างกันไป สีสันวันมงคล ครม. -สำนักข่าวไทย

จารึกนาม “16 ทหารกล้า” แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา

26 ก.ย. – กองทัพบก จัดพิธีจารึกนาม และสดุดีกำลังพล ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสมเกียรติ.-สำนักข่าวไทย

รอปูนแข็งตัว 6 ชม. แล้วเทซ้ำ วนไปจนถึงวันอาทิตย์

กทม. 26 ก.ย. – ผู้รับเหมาปรับแผน การเทปูนลงหลุมยักษ์ เป็นการเทตามวงรอบ 6 ชั่วโมง เว้น 6 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยปูนที่เทลงไปก่อนหน้าได้ไปอุดช่องโหว่ในจุดที่จะเสี่ยงให้เกิดดินสไลด์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว คาดการเทปูน จะจบตามแผนภายในวันอาทิตย์นี้.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย