ย้ำถ้าการ์ดตก คนป่วยเยอะเหมือน ตปท. งบไม่พอรักษา

ทำเนียบรัฐบาล 24 เม.ย.-โฆษก ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 15 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ชี้ถ้าการ์ดตก คนป่วยเยอะเหมือนต่างประเทศ งบฯ ไม่พอรักษาแน่ ยืนยันศักยภาพตรวจโรคทั่วประเทศวันละ 2 หมื่นคน ห้องปฏิบัติการเพียงพอ


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 15 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,854 ราย รักษาหาย 2,490 ราย รักษาตัวอยู่ 314 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 50 ราย ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 15 รายพบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 9 ราย  คนไทยกลับจากต่างประเทศ 1 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 1 รายและการค้นหาเชิงรุกที่จังหวัดยะลา 4 ราย 

“ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,854 รายพบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,457 ราย โดยอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 3 ราย ภูเก็ต 200 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 111 ราย ยะลา 99 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่าจังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.38 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.69 ยะลา ร้อยละ 18.53 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.10” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า 10 จังหวัดยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง สตูล และ 10 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วันที่ผ่านมาได้แก่ จันทบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ สุโขทัย อุทัยธานี มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ดและอุดรธานี จังหวัดที่มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมากกว่า 1000 รายได้แก่กรุงเทพมหานคร 11,665 รายยะลา 4,448 ราย นนทบุรี 3,630 ราย ชลบุรี 1,879 ราย ภูเก็ต 2,163 ราย สมุทรปราการ 1,302 ราย ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ป่วยในกรุงเทพมหานคร นนทบุรีและต่างจังหวัดยังคงทรงตัว ซึ่งที่ผ่านมาในกรุงเทพมหานคร มียอดตัวเลขที่พุ่งสูงในวันที่ 22 มีนาคมและ 30มีนาคม 2563 

“เราไม่อยากให้มียอดตัวเลขที่ 4 ที่ 5 อีกแล้ว เพราะถ้ามียอดสูงขึ้นอีกหลายระลอกของแต่ละจังหวัด ตอนนี้อย่างที่บอก ทรัพยากรทางด้านการเงินของเรามีจำกัด เงินเราไม่พอแน่ ถ้าต้องเอามาทุ่มเทกับการป่วยและรับการรักษาในโรงพยาบาลเหมือนอย่างที่เราเห็นในต่างประเทศ ไม่ใช่แค่เสียเงินอย่างเดียว เสียชีวิตด้วย และความเหนื่อยล้าต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคาดการณ์ว่าคงไม่แตกต่างกัน ไม่ใช่เราประเทศเดียวที่มีมาตรการต่าง ๆ หลายประเทศก็ทำแบบเดียวกัน ดังนั้น ขอการ์ดอย่าตก”  โฆษกศบค. กล่าว 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่ยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง เช่น ที่จังหวัดภูเก็ต ช่วงวันที่ 2-22 เมษายนที่ผ่านมา พบผู้ป่วยรายแรกในกลุ่มทำงานในสถานบันเทิง สัมผัสชาวต่างชาติ 3 ราย จากนั้นพบผู้ป่วยรายต่อ ๆ มาจากการร่วมบ้านและชุมชน 28 ราย การค้นหาเชิงรุก 3 ราย รวมจำนวนผู้ป่วย 34 ราย ถือเป็นบทเรียนว่าจากตัวเลขผู้ป่วยรายแรก ส่งผลกระทบขยายไปยังคนอื่นๆอีกจำนวนมาก 

“ขณะนี้มีการตรวจผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคมากขึ้น โดยมีผู้เข้ามาตรวจกว่า 2,000 คนต่อวัน ซึ่งจะเพิ่มจำนวนการตรวจในแต่ละวันให้มากขึ้น และยืนยันว่า ศักยภาพการตรวจในกรุงเทพมหานครได้ถึง 10,000 ตัวอย่างต่อวัน เช่นเดียวกับการตรวจในต่างจังหวัด 10,000 ตัวอย่างต่อวัน ส่วนสถานที่และห้องปฏิบัติการในการตรวจมีถึง 123 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 54 แห่ง ต่างจังหวัด 69 แห่ง และมีเป้าหมายถึง 176 แห่งทั่วประเทศ” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 482 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน  39 ราย ซึ่งพบว่าจำนวนผู้ฝ่าฝืนกฎหมายลดลง ภายหลังจากที่ตำรวจลดการตั้งด่านตรวจ แต่เพิ่มสายตรวจในชุมชนแทน  ทั้งนี้ จำนวนผู้ฝ่าฝืนกระทำผิด รวมกลุ่มชุมนุมมั่วสุม ระหว่างวันที่ 3-22 เมษายนมีผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 1,972 ราย แบ่งเป็นชาย 1,352 ราย หญิง 620 ราย ซึ่งกลุ่มอายุไม่เกิน 18 ปี และ 19- 30 ปีเป็นกลุ่มใหญ่ที่ทำผิด” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้(24 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างจากญี่ปุ่นกลับมาจำนวน  31 คน และอินเดีย 171 คน ส่วนวันที่ 25 เมษายน จากอิหร่าน 21 คนและอินเดีย 171 คน โดยยืนยันว่าสถานทูตแต่ละประเทศดูแลคนไทยในต่างประเทศอย่างเต็มที่ส่วนคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับ ให้ติดต่อทางสถานทูตเพื่อให้ภาครัฐเตรียมวางแผนรองรับ ทั้งนี้ รับทราบถึงความกังวลของผู้ปกครองที่ห่วงบุตรหลานในต่างประเทศ โดยทางสถานทูตได้ดูแลและติดต่อกับนักเรียนนักศึกษาทุกคน แต่เนื่องจากบางประเทศปิดสนามบิน จึงยังไม่สามารถกลับมาได้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,715,614 ราย เสียชีวิต 190,422 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 880,204 ราย เสียชีวิต 49,845 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 57 ของโลก สำหรับประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศพบว่าสหราชอาณาจักรอาจใช้มาตรการคุมเข้มทางสังคมยาวตลอดทั้งปีหรือจนกว่าวัคซีนจะสำเร็จ และประกาศเพิ่มระยะเวลาล็อคดาวน์ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2563และมีแนวโน้มขยายออกไปอีก หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ส่วนที่อินโดนีเซีย กรุงจาการ์ตา ขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 หลังจากมีผู้ละเมิดกฎในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา  มาเลเซียขยายเวลาเพิ่มเติมจากคำสั่งควบคุมการเคลื่อนไหวออกไปอีก หลังคำสั่งครั้งที่สามจะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 เมษายนนี้ เพื่อให้ประชาชนอยู่บ้านให้นานขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน .-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยรับมืออิทธิพลพายุวิภา ฝนตกหนักหลายพื้นที่

21 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมืออิทธิพลพายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนเช้าพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ส่งผลไทยตอนบนฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าชายฝั่งเวียดนามเช้าวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตอนบนของลาวและเวียดนาม ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมแรงหลายพื้นที่ 60 จังหวัดทั่วประเทศ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 2–4 เมตร อาจเกิน 4 เมตรในบางพื้นที่ เรือเล็กงดออกจากฝั่งเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 21–25 กรกฎาคมนี้ พร้อมยังจัดตั้งศูนย์ติดตามพิเศษ หรือ War Room ตั้งแต่วันนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์ และสื่อสารเตือนภัยต่อเนื่อง ตลอด […]

พบอีก 2 ทุ่นระเบิดสภาพใหม่ ในพื้นที่ช่องบก

กองทัพบก 21 ก.ค.-ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิม ชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบก เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล […]

“พล.อ.ณัฐพล” ลั่นกัมพูชาบอกไม่รู้ไม่ได้ หลังคนเขมรป่วนปราสาทตาเมือนธม

ทำเนียบ 21 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” ลั่นกัมพูชาบอกไม่รู้ไม่ได้ หลังคนกัมพูชาป่วนปราสาทตาเมือนธมหลักพันคนวานนี้ ขอคนไทยเข้าใจ หากอ่อนหรือแข็งไป จะหาที่ลงไม่ได้ ทำ 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อน เผยมีมาตรการรับมือป่วนซ้ำ แต่ไม่ขอแจงรายละเอียด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก. ถึงกรณีกัมพูชาขนมวลชนมาป่วนที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า รัฐบาลกัมพูชาจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะมาเป็นหลักพันคน แต่ถ้าไม่รู้ก็ต้องแก้ไขทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนกัมพูชามาทำแบบเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยดูอยู่ทั้งหมด เราไม่อยากให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเครียด อยากจะบอกกับสื่อมวลชนว่าขณะนี้ประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัด เดือดร้อนมาก “เขากดดันผมว่า เมื่อไหร่จะจบเสียทีผมอยู่ตรงนี้ผมต้องรักษาบรรยากาศจะต้องไม่อ่อนแอหรือเข้มแข็งเกินไป จนหาที่ลงไม่ได้ ผมจะโดนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้ พี่น้องอีก 70 จังหวัดก็จะมาด่าว่า ทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาด เหมือนหมานำราชสีห์ แต่ไม่เคยสนใจ พี่น้อง 7 จังหวัดชายแดน ว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร แต่ผมไม่อยากให้ ไปทำข่าวว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อนอย่างไร เพราะไม่อยากให้กัมพูชาทราบว่าของเราก็แย่อยู่ […]

ปปป.ประชุมสอบเส้นเงิน “ทิดสฤษดิ์” เอี่ยวทุจริตเงินวัด-เสพเมถุนหรือไม่

บก.ปปป. 21 ก.ค. – ผู้การ ปปป. เรียกประชุมชุดทำงาน ตรวจสอบเส้นเงิน “ทิดสฤษดิ์” เอี่ยวทุจริตเงินวัด-เสพเมถุนเศรษฐินีหรือไม่ ขณะเดียวกันยังแบ่งชุดสืบ ลงพื้นที่วัดนครสวรรค์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ช่วงเช้าวันนี้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เรียกประชุมชุดทำงานคดี “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ที่ต้องสงสัยว่ามีสัมพันธ์กับเศรษฐีนีปากน้ำโพ อายุ 57 ปี และใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกัน ส่งเสียเลี้ยงดูฉันผัวเมียมานานกว่า 15 ปี รวมไปถึงอยู่ระหว่างขยายผลและตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินวัดหรือไม่ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง โดยสาระสำคัญวันนี้ ทาง ปปป.ได้เรียกพนักงานสอบสวนประชุมเพื่อวางแนวทาง และกรอบการทำงานในกรณีของเส้นเงินเท่านั้น ส่วนเรื่องอื้อฉาวนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากได้เปิดศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย จึงได้มอบหมายให้ ปคม. เป็นเจ้าของคดีหลัก ให้ตรวจสอบถึงเรื่องราวทั้งหมดว่ามีสีกาเกี่ยวข้องกับทิดสฤษดิ์กี่คนและเข้ามามีสัมพันธ์ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ ในฐานะอะไร ซึ่งคดีนี้เป็นเรื่องความผิดทางอาญา จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการร่วมกันทุจริตจริงหรือไม่ จากนั้นทั้ง ปปป. และ ปคม.ก็จะเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน […]