ทำเนียบรัฐบาล 22 เม.ย.-“นพ.ทวีศิลป์” ระบุเข้าใจประชาชนเครียดจากมาตรการต่างๆ ขอให้เข้าใจต้องคุมโรคให้ได้ก่อน เมื่อสูญเสียน้อยลง จึงเยียวยาเศรษฐกิจ รอ ครม.-ศบค.ตัดสินใจผ่อนปรน ยืนยันมีกระบวนการกำจัดขยะติดเชื้ออย่างดี
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.กล่าวว่า รับทราบและเข้าใจความเครียดของประชาชนที่เดือดร้อนในสถานการณ์ขณะนี้ เพราะไวรัสทำให้เกิดมาตรการต่าง ๆ ของรัฐที่นำไปสู่ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สิ่งที่เกิดขึ้นคือต้องทำความเข้าใจก่อน หากเริ่มต้นด้วยการควบคุมโรคได้ การสูญเสียก็จะน้อยลง เหลือเงินมากขึ้นที่จะดูแลเศรษฐกิจได้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เลือกดูแลเรื่องสุขภาพมาก่อน แล้วจึงเยียวยาด้านเศรษฐกิจ
“ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณ 45,000 ล้านบาท ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้พูดคุยกับทีมงานของกระทรวงว่าการใช้งบประมาณจำนวนมากนี้ ไม่ใช่แค่การซื้ออุปกรณ์การแพทย์เท่านั้น เพราะสำรวจแล้วพบว่ายังเพียงพอ อีกทั้งบางส่วนผลิตในประเทศได้ จึงเห็นว่า สามารถนำงบประมาณมาช่วยเรื่องค่าเยียวยา ค่าเสี่ยงภัย ค่าชดเชย เพื่อรองรับการบำบัดรักษาได้ และอาจนำไปใช้ในอีกมาตรการคือการกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนด้วย ย้ำว่าขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขสามารถควบคุมโรคได้ในระดับหนึ่ง และงบประมาณทุกบาททุกสตางค์สามารถไปถึงพี่น้องประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนที่บางจังหวัดเตรียมคลายล็อก และเรียกร้องให้ผ่อนผันพ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าในตลาด ว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ระบุว่าต้องใช้สถิติ และชุดข้อมูลมาประกอบการพิจารณา เนื่องจากการผ่อนปรนจะขึ้นอยู่กับตัวเลข ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ยกเลิกมาตรการใด แต่ต้องเป็นลักษณะของการผ่อนปรน เนื่องจากสถานการณ์โดยรอบประเทศไทยยังมีติดเชื้อจำนวนมาก อีกทั้งในกลุ่มประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่จับตามองของทั่วโลก เพราะกราฟพุ่งสูง มีเพียงประเทศไทยที่ยังควบคุมได้ แต่หากประมาท ตัวเลขสามารถพุ่งขึ้นได้ ซึ่งสถานที่ที่จะเปิดได้ต้องขึ้นอยู่กับสถิติการติดเชื้อและความจำเป็น
“กรณีที่หลายคนระบุว่าร้านตัดผมมีความจำเป็น ผมเห็นว่าหากจำเป็นต้องเปิดร้านตัดผม ต้องมีมาตรการภายในร้านที่ต้องกำกับดูแลกลุ่มคนของตัวเองให้มั่นใจได้ว่า ลูกค้าเข้ามาในร้านแล้วปลอดภัย ไม่ติดโรค สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถูกหยิบยกมาพูดและจะตัดสินใจในเวลาต่อมา ซึ่งอาจจะทดลองบางกลุ่มจังหวัดหรือบางพื้นที่ จึงขอให้ทุกคนรอฟังก่อน แต่ที่ชัดเจนคือนโยบายส่วนกลางจะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนจังหวัดจะเป็นคนจัดการและดูข้อมูลในพื้นที่ การปฏิบัติเฉพาะเจาะจงในพื้นที่จะเป็นการตัดสินใจของแต่ละจังหวัด หากดูแลคนในจังหวัดได้ดีจะมีพื้นที่ที่จะดำเนินการสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น แต่รายละเอียดต้องรอมติของคณะรัฐมนตรีและ ศบค.เร็ว ๆ นี้ก่อน” โฆษกศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีพนักงานหลายบริษัทเริ่มกลับมาทำงานแล้ว และพบผู้ติดเชื้อใหม่ ซึ่งจากการสอบสวนโรคพบว่าเกิดจากสถานที่ทำงาน ว่า ต้องเก็บเป็นสถิติ ซึ่งแน่นอนว่าสถานประกอบการนั้นต้องถูกเพ่งเล็ง แต่หากสถานประกอบการนั้น ๆ มีความจำเป็นต้องเปิด ต้องสร้างมาตรการเข้มขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยต้องใช้ชุดข้อมูลหลายชุดประกอบกัน
“การดำเนินการใด ๆ ผอ.ศบค.ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจเพียงคนเดียว แต่ต้องอาศัยชุดข้อมูลประกอบการพิจารณาและตัดสินใจอย่างรอบด้าน และเป็นไปในทิศทางที่ปฏิบัติได้ ทั้งนี้ หากสถานประกอบการใดพบการติดเชื้อ ขอให้รีบรายงานมายังทีมสอบสวนโรค อย่ากังวลว่าจะปิดสถานประกอบการ เพราะข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจะทำให้ควบคุมโรคได้” โฆษกศบค. กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายคนกังวลเรื่องปริมาณขยะเพิ่มขึ้นมากจากสถานการณ์โควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลายคนกังวลใจว่าเป็นขยะติดเชื้อหรือไม่ แต่ยืนยันว่าในส่วนของหน้ากากอนามัยของบุคลากรทางการแพทย์และที่ใช้ในสถานที่กักกันของรัฐ มีกระบวนการกำจัดอย่างเหมาะสม ไม่แพร่เชื้ออย่างแน่นอน ส่วนขยะตามบ้าน ขอให้ทุกคนแยกขยะ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ควรแยกถุงออกจากขยะทั่วไปและขยะรีไซเคิล.-สำนักข่าวไทย