เช็คทุกระบบขนส่งฯ ลุ้นปลดล็อก 32 จังหวัด 1 พ.ค.นี้

กรุงเทพฯ 21 เม.ย. – จับตาปลดล็อกระบบขนส่งฯ 32 จังหวัด !! 1 พ.ค.นี้ หลังสาธารณสุขส่งสัญญาณบวก ทั้งรัฐวิสาหกิจขนส่ง-ผู้ประกอบการเอกชน รอความหวังทยอยกลับมาให้บริการ พร้อมมาตรการเยียวยาจากรัฐ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยมีสัญญาณที่ดี หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ในพื้นที่ 32 จังหวัด ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และอาจนำไปสู่การปลดล็อคการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งของจังหวัดเหล่านี้


นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า หากมีสัญญาณชัดเจนและมีประกาศปลดล็อคจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทางกรมขนส่งฯ พร้อมรับไม้ต่อ โดยแนวทางปฏิบัติในเรื่องของการบริการรถโดยสารสาธารณะนั้น กรมขนส่งฯ จะต้องออกประกาศยกเลิกการปิดเส้นทางของรถหมวด 3 (วิ่งระหว่างจังหวัด) ส่วนรถสาธารณะที่วิ่งอยู่ในภายจังหวัดนั้น ก็เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถประกาศให้ผู้ประกอบการกลับมาเดินรถได้ตามปกติอยู่แล้ว 

ด้านนายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ยอมรับว่ากำลังติดตามข้อมูลในส่วนนโยบายเรื่องการปลดล็อค 32 จังหวัดจากศูนย์โควิดฯ และประกาศจากกรมการขนส่งทางบก เรื่องการเปิดให้เดินรถโดยสารสาธารณะแต่ละเส้นทาง เมื่อมีการประกาศออกมาชัดเจนแล้ว ในส่วนของ บขส.ก็จะมีการพิจารณารายละเอียดเป็นรายจังหวัด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้หากมีการเดินรถก็จะเป็นลักษณะที่ยังต้องจัดมาตรการคุมโรค ใส่หน้ากากอนามัย และระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ในสถานีและบนรถ ซึ่งแน่นอนจะทำให้รถโดยสารแต่ละคัน ยังต้องเว้นระยะห่างและมีอัตราบรรทุกอยู่ที่ประมาณ 50% รวมทั้งการให้บริการ บขส.จะต้องพิจารณา “มอนิเตอร์” ความต้องการเดินทางของผู้โดยสารแต่ละเส้นทาง โดยพิจารณาได้จากอัตราการจองตั๋ว ทั้งนี้ บขส.ประเมินว่าหากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ควบคุมได้แล้ว ประชาชนน่าจะกลับมาใช้บริการรถโดยสารตามปกติในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 


กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.กล่าวย้ำว่า บขส.เข้าใจสถานการณ์ พร้อมปฏิบัติตามนโยบายรัฐ โดยคำนึงถึงการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 และสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ซึ่ง บขส.งดจำหน่ายตั๋วโดยสารใหม่ให้เดินทางเฉพาะผู้จองตั๋วล่วงหน้าที่ยังมีค้างอยู่ ซึ่งปกติระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมทุกปีจะเป็นช่วงการเดินทางคับคั่งและทำรายได้ของปี แต่จากการระบาดของไวรัสฯ ขณะนี้ ทำให้สูญรายได้ประมาณ 800-1,000 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ในส่วนของผู้ประกอบการเดินรถร่วมบริการของ บขส.จะมีการเข้ายื่นข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ 2-3 วันข้างหน้า 

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการแทนผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า มาตรการปลดล็อกดาวน์ขณะนี้รอฟังนโยบายจากกระทรวงคมนาคม ในส่วนของการรถไฟฯ ต้องประเมินสถานการณ์ค่อย ๆ เปิดในจังหวัดที่ไม่มีความเสี่ยง และรอดูเงื่อนไข โดย รฟท.พร้อมที่จะปฏิบัติตาม

สำหรับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ปัจจุบันมีผู้โดยสารมาใช้บริการ 3,000-4,000 คนต่อวัน จากปกติ 20,000 -30,000 คนต่อวัน ส่วนความเสียหายยอมรับว่าสูญเสียรายได้ แต่รายจ่ายก็ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีการสรุปตัวเลขอีกครั้ง โดย รฟท.จะประเมินผลความเสียหายเป็นรายไตรมาสและรายปี เพื่อขอเงินชดเชยจากภาครัฐต่อไป

ด้านนายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หรือแผนเปิดเมืองวันที่ 1 พฤษภาคมนั้น กรมเจ้าท่าดูแลการเรือเดินทั้งประเทศมีความพร้อมที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหากจะปลดล็อกจะมีเรื่องอะไรบ้าง เช่น จะให้เรือโดยสารต่างประเทศเข้ามาได้ด้วยหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องดูรายละเอียดต่อไป

“กรมเจ้าท่ามีความพร้อม หากเข้าสู่โหมดปกติจะปฏิบัติ โดยการเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลตรวจตรา ให้ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากาก มีเจลล้างมือตามท่าเรือ รวมถึงคุมเข้มมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพราะเป็นที่แน่นอนเมื่อมีการปลดล็อกจะมีผู้มาใช้บริการเรือจำนวนมาก ปัจจุบันกรมเจ้าท่ามีรายงานการใช้บริการขนส่งทางเรือทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค 30,000  คนต่อวัน  เช่น การเดินทางจากดอนสักไปสมุยก็ไม่ได้มีปัญหา ตรงนี้ก็ยังเดินเรือปกติ” นายวิทยา กล่าว

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. กล่าวว่า สำหรับการให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศนั้น ที่ผ่านมาสายการบินสามารถดำเนินการได้ปกติ เพราะที่ผ่านมาสายการบินแต่ละแห่งประกาศหยุดทำการบิน เพราะเห็นว่าพื้นที่แต่ละจังหวัดมีการประกาศปิดตามอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด หากทำการบินไปลงแต่ละจังหวัด ผู้โดยสารก็อาจไม่ได้รับความสะดวก หากวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ มีการปลดล็อกแล้วผู้ประกอบการสายการบินน่าจะทยอยเปิดทำการบินเส้นทางที่มีความพร้อม ซึ่งขณะนี้ทราบว่าหลายสายการบินมีแผนที่จะกลับมาทำการบินแล้ว

ส่วนเส้นทางบินระหว่างประเทศ ขณะนี้ยังถูกระงับตามนโยบายของศูนย์โควิดฯ และประกาศของ กพท. คงต้องติดตามสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีความปลอดภัยจริง ๆ ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่กลับมาเพิ่มขึ้นอีก เพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหาในช่วงที่ผ่านมาเกิดการสูญเปล่า ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศน่าจะมีการประเมินสถานการณ์ทุก 15 วัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]