ภูเก็ต 18 เม.ย.- อ่างเก็บน้ำหลักของจังหวัดภูเก็ตทั้ง 3 แห่ง เหือดแห้ง หลังฝนทิ้งช่วงนาน หวั่นวิกฤติน้ำประปา จังหวัดเร่งเจรจาขอซื้อน้ำจากขุมเหมืองเอกชนแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมวางแผนรับมือระยะยาว
นายไพโรจน์ คำทอน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานภูเก็ต เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำดิบในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่งของจังหวัดภูเก็ตว่า อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ผลิตน้ำประปาส่งจำหน่ายในพื้นที่ อ.ถลาง และ ต.รัษฎา อ.เมือง ได้หยุดส่งน้ำในการประปาไปก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำต่ำกว่าท่อส่งน้ำ ขณะที่อ่างเก็บน้ำบางวาด เป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาค และการประปาเทศบาลนครภูเก็ตขณะนี้ปริมาณน้ำน้อยมาก หากการประปาส่วนภูมิภาคและเทศบาลนครภูเก็ตใช้วันละ 20,000 ลบ.ม. จะมีน้ำใช้ได้อีก 4 วัน และหากการประปาเทศบาลนครภูเก็ตใช้น้ำในขุมน้ำของเทศบาล จะมีน้ำเหลือให้การประปาส่วนภูมิภาคอีก 8 วัน หากไม่มีฝนตกลงมาในช่วงนี้
ส่วนอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ มีปริมาณน้ำประมาณ 300,000 ลบ.ม. โดยการประปาส่วนภูมิภาคใช้วันละ 12,000 ลบ.ม./วัน เทศบาลตำบลฉลองใช้วันละ 3,000 ลบ.ม. จะสามารถใช้ได้อีก 24 วัน นับจากนี้ อย่างไรก็ตาม การประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ตได้วางแผนในการหาแหล่งน้ำดิบที่เป็นขุมเหมืองของภาคเอกชน โดยในส่วนของการผลิตน้ำประปาที่บางโจนั้นได้เจรจาขอซื้อน้ำนำจากขุมเหมืองเอกชนไปแล้ว 3-4 ราย เพื่อนำน้ำจากขุมเหมืองเอกชนมาผลิตน้ำประปา โดยการผลิตแบบ Mobile Plant ไปติดตั้งและผลิตน้ำประปาส่งเข้าท่อของการประปา
“ในส่วนของโรงผลิตน้ำประปาอ่างเก็บน้ำบางวาด ขณะนี้มีเอกชนขายน้ำในขุมเหมืองให้การประปาแล้ว 2 แห่ง ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 6 แห่ง ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาขอซื้อน้ำ รวมถึงในส่วนของโรงผลิตน้ำประปาที่อย่างเก็บน้ำคลองกะทะกำลังอยู่ระหว่างการเจราขอใช้น้ำจากขุมเหมืองของเอกชนเช่นกัน การเจราขอซื้อน้ำจากขุมเหมืองเอกชนนั้น เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเฉพาะหน้าของจังหวัดภูเก็ต ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ส่วนการแก้ปัญหาในระยะปานกลางนั้น ได้มีการจัดทำแผนงานโครงการขอรับการจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการในหลายๆ โครงการ และทางการประปาส่วนภูมิภาคมีแผนงานแก้ปัญหาระยะยาว โดยการนำน้ำประปาจากจังหวัดพังงามาภูเก็ต ที่ขณะนี้ได้ผ่านการเห็นชอบจาก ค.ร.ม.แล้ว มีการศึกษาออกแบบรายละเอียดต่าง ๆ ใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 ปี”.-สำนักข่าวไทย