จับตา!แนวทางกู้วิกฤติการบินไทยวันนี้

กรุงเทพฯ 16 เม.ย.-การบินไทยวิกฤติหนัก! คาดจ่ายเงินเดือนพนักงานได้แค่สิ้นเดือนเมษายนนี้เท่านั้น รอรัฐอัดเงิน 7 หมื่นล้านบาทกู้วิกฤติ กระหึ่มแนวคิดเสนอผ่าตัดใหญ่ลดไซส์ขนาดองค์กร ขณะที่ “สมคิด” เรียกประชุมด่วนผู้ที่เกี่ยวข้องหารือต่อชีวิตสายการบินแห่งชาติ


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มีการประชุมหารือร่วมกับนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารการบินไทย ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย และตัวแทนพนักงานในส่วนงานต่าง ๆ ของการบิน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งการหารือดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติแต่อย่างใด โดยนายศักดิ์สยาม ยังได้มีการเปิดเผยภายหลังว่าได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารการบินไทยกลับไปหารือร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย และพนักงานการบินไทยในส่วนงานต่าง ๆ ทุกแผนก เพื่อให้การจัดทำแผนรายละเอียดของการปรับปรุง ฟื้นฟูกิจการให้มี ทิศทางในการดำเนินงานที่ชัดเจนกว่านี้ และให้ส่งแผนฟื้นฟูที่ปรับปรุงกลับมาเสนอกระทรวงคมนาคมภายใน 2 สัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุมเพื่อหาแนวทางฟื้นฟูการบินไทยนั้น ทางฝ่ายบริหารการบินไทยได้มีการเสนอแนวทางรอดของการบินไทย โดยเสนอให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคมอนุมัติให้การบินไทยกู้เงิน 70,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อนำมาบริหารจัดการและฟื้นฟูการบินไทย แต่บนพื้นฐานที่ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องจบลงภายในเดือนตุลาคม 2563 และการบินไทยสามารถมาทำการบินใหม่ รวมถึงมีการปรับองค์กรใหม่ แต่หากสถานการณ์ล่วงไปกว่านั้นจำนวนเงินที่ต้องใช้ก็จะมากขึ้นกว่านี้


ขณะเดียวกันทางฝ่ายบริหารการบินไทยได้มีการแจ้งในที่ประชุมด้วยว่าในส่วนของสถานะการเงินของการบินไทยขณะนี้มีเงินสดที่สามารถหมุนเวียนบริหารจัดการตลอดปี 2563 มีอยู่ 10,000-12,000 ล้านบาท โดยจะเป็นเงินส่วนหนึ่งที่จะสามารถนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงานได้แค่ภายในเดือน สิ้นเดือนเมษายน 2563 เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นการจ่ายให้กับเจ้าหนี้ที่การบินไทยมีอยู่ ดังนั้น การบินไทยจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อนุมัติแผนการกู้เงินเพื่อมาบริหารจัดการในการบินไทยโดยเร็ว

ทั้งนี้ แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการบินระบุว่าแนวทางการฟื้นฟูการบินไทยนั้น เบื้องต้นแบ่งออกเป็น 3-4 ประเด็น ซึ่งจะเป็นทางออกที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจ โดยประเด็นแรกเรื่องการจัดหาผู้ร่วมทุนเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นการบินไทย ซึ่งอาจเป็นบริษัท Corporate ที่มีสภาพคล่องเพียงพอ ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวลือออกมาเป็นระยะ ๆ ทั้งรายชื่อของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน และบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของประเทศ แต่บริษัทเหล่านี้ต่างตบเท้าออกมาปฏิเสธ โดยต้องยอมรับว่าแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว อาจเป็นไปได้ยากในยุคที่อุตสาหกรรมการบินซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 และยังไม่เห็นทิศทางว่า สถานการณ์จะจบลงเมื่อใด รวมถึงสภาพโครงสร้างของการบินไทยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีค่าใช้จ่ายผูกพันจำนวนมาก หากที่มาของแหล่งรายได้ชะงักลง ก็จะเกิดความไม่สมดุลย์ระหว่างรายรับกับรายจ่ายทันที

ส่วนประเด็นที่ 2 ที่จะมีการจัดหาแหล่งเงินกู้เข้ามาเสริมสภาพคล่องให้การบินไทย วงเงิน ตั้งแต่ 50,000 ถึง 70,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง ต้องค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว แนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ต้องยอมรับว่าเป็นไปได้ยาก เพราะการจัดหาเงินกู้ให้รัฐวิสาหกิจที่ 1 แห่งในวงเงินสูงขนาดนั้น รัฐบาลจะต้องโดนแรงกดดันจากทุกภาคส่วนแน่นอน ในสถานการณ์ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาเยียวยาประชาชนจากผลกระทบไวรัส COVID-19 และอยู่ระหว่างการออก พ.ร.ก.กู้เงิน ฯ 1.9 ล้านล้านบาท ชึ่งบุคคลสำคัญในรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังก็ยอมรับว่าจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ นี้ 1-2 เดือน และก็มีเรื่องเร่งด่วนในเรื่องของการจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนคนละ 5,000 บาทเป็นระยะเวลานาน 3 เดือน ผูกพันอยู่


ล่าสุดมีรายงานข่าวระบุถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการบินไทย ซึ่งกระทรวงคมนาคมเองเห็นว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่จะฟื้นฟูการบินไทยให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้นั้น การบินไทยจะต้องยอมที่จะมีการปรับขนาดองค์กรให้เล็กลง ส่วนงานไหนที่ไม่สร้างรายได้จะต้องยอมปรับลด หรือยุบทิ้ง ส่วนจำนวนพนักงานหากมีบุคลากรมากกว่าเนื้องานที่รับผิดชอบก็จะต้องปรับลดลง ซึ่งจะต้องไปหาแนวทางที่เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันในส่วนสิทธิประโยชน์ต่างๆที่มีก็ต้องปรับ หรือ ตัดออกไป เพราะในภาวะวิกฤตเช่นนี้ทุกคนต้องรักองค์กรที่จะให้องค์กรอยู่ได้ ต้องไม่คำนึงถึงแค่ว่า ตัวเเองจะต้องอยู่ได้โดยไม่เสียสละเพื่อองค์กร

รวมทั้งที่ผ่านมา มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกัน ถึงปัจจัยที่จะทำให้การบินไทยอยู่ได้จริงและเดินหน้าต่อไปได้ คือควรที่จะลดสัดส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ (กระทรวงการคลัง) ลง หรือลดสถานะความเป็นเจ้าของ ของภาครัฐ ตัดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ เหลือเป็นเพียง บริษัท จำกัด(มหาชน)(บมจ.) มีนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซื้อหุ้น โดยไม่ต้องมีรัฐค้ำประกันแบบทุกวันนี้ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งเป็นนักลงทุนจะสามารถเข้ามาลงทุน บริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่าในเช้าวันนี้ (16 เม.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวของประชุม เรื่อง แผนฟื้นฟูการบินไทย ด่วนที่กระทรวงการคลัง โดยมี นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง  นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม  ปลัดกระทรวงการคลัง รองปลัดกระทรวงการคลัง และทีมผู้บริหารการบินไทย ร่วมประชุมร่วมกันที่กระทรวงการคลัง ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย