กรุงเทพ 13 เม.ย.- “ศักดิ์สยาม” รมว.คมนาคม สั่งผู้ว่ารถไฟคนใหม่ เร่งเดินหน้าสานต่องานทุกโครงการ ทลายทุกข้อจำกัดที่มีควบคู่ธรรมาภิบาลเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ ด้านผู้ว่ารถไฟคนใหม่เด้งรับ พร้อมเข้าทำงานสานต่อเมกะโปรเจค – ลุยแผนฟื้นฟู เร่งแก้ปัญหาแพร่กระจาย COVID ดูแลสวัสดิภาพคนรถไฟให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าพบว่า หลักในการทำงานที่ตนให้นโยบายกับ ผู้ว่า รฟท. คนใหม่ ที่มาหารือคือ ให้ทำงานสานต่อโครงการที่รัฐบาล และ กระทรวงคมนาคม ดำเนินการอยู่ตามเป้าหมายด้วยหลักธรรมภิบาล โปร่งใส รวมทั้งให้เร่งรัดการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ ร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จนถึงระดับพนักงาน ย้ำต้องทลายทุกข้อจำกัด ให้เกิดประสิทธิภาพ ไร้ปัญหา ที่สำคัญการทำงานต้องอยู่บนพื้นฐานระเบียบข้อกฎหมายเป็นหลักสำคัญด้วย
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เปิดเผยว่า ภายหลัง ครม.มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่า รฟท. คนใหม่ ขั้นตอนต่อไปต้องรอการเซ็นสัญญาจ้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะดำเนินการภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้า เมื่อเริ่มงาน สิ่งแรกที่จะทำคือการพบพนักงาน รฟท. และ สหภาพ รฟท.ก่อนเพื่อทำความรู้จักกัน และเข้าใจสิ่งที่เป็นแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน โดยเป้าหมายแรกที่สำคัญ คือ การเข้ามาดูแลปรับปรุงสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ที่พนักงาน รฟท.ควรจะได้รับ ซึ่งตนต้องการที่ให้พนักงานรฟท.มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากพนักงาน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะผลักดัน ให้รถไฟไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ และเป็นจักรกลสำคัญในการหารายได้ พัฒนาบริการการขนส่งที่ดีแก่ผู้ใช้บริการ
นอกจากนั้น จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการแก้ไขปัญหา ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง พร้อมจัดสุขอนามัยที่ดีให้กับพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปโดยเร็ว ในส่วนของการให้บริการในช่วงที่มีไวรัสโควิดแพร่ระบาด ก็จะต้องจัดขบวนรถให้บริการเท่าที่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้จะหยุดให้บริการเลย เนื่องจากรถไฟถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ
ส่วนการสานงานต่อในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆที่ รฟท. ดำเนินการอยู่ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟทางคู่ , รถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน นั้น จะเดินหน้าสานต่องานให้เป็นไปตามเป้าหมายนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม
“ไม่ได้รู้สึกหนักใจกับปัญหาภาวะขาดทุน เนื่องจากเป้าหมายในการทำงานต้องการเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว โดยขอเวลาศึกษารายละเอียดแผนฟื้นฟูทั้งหมด เพื่อที่จะให้ รฟท.เดินหน้าพ้นจากปัญหาการขาดทุนสะสมกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งหลังจากลงนามในสัญญาจ้างกลางเดือน เม.ย.นี้ก็จะเริ่มงานทันทีเพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการมากมาย” นายนิรุฒกล่าว
ทั้งนี้โครงการสำคัญของ รฟท.ที่ต้องเร่งดำเนินงานนั้น แบ่งเป็น โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน( ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา),โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ,รถไฟชานเมือง (รถไฟฟ้า) สายสีแดง 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงบางซื่อ-รังสิต และงานเดินรถ และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ทั้งนี้ ในส่วนโครงการที่เตรียมเปิดประมูลและผลักดันให้ ครม.เห็นชอบ ได้แก่ รถไฟชานเมือง (รถไฟฟ้า) สายสีแดง 4 ช่วง คือ ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ,ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ,ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช, ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และบางซื่อ-หัวหมาก
โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 โครงการ คือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบางไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ,รถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่, ช่วงขอนแก่น-หนองคาย, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา, ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ วงเงินรวมทั้งสิ้น 493,149 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรุฒ เตรียมที่จะเข้าเซ็นสัญญาภายในสัปดาห์นี้ และตั้งเป้าหมายที่จะเข้าเริ่มงานวันแรก ในวันที่ 24 เม.ย. 63 นี้ เพื่อจัดการงานเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่มีพนักงาน รฟท. ติดเชื้อและต้องมีการกักตัวอยู่จำนวนหนึ่ง . – สำนักข่าวไทย