“ชาญศิลป์” เผยกลุ่ม ปตท.ฝ่าวิกฤติ COVID-19 ทวบทวนแผนใน 1 เดือน


“ชาญศิลป์”
เผยกลุ่ม  ปตท.ฝ่าวิกฤติ
COVID-19 ทวบทวนแผนใน 1 เดือน



กรุงเทพฯ 9
เม.ย.-“ชาญศิลป์” ซีอีโอ ปตท. สั่ง บริษัทในเครือทุกแห่ง ปรับแผน รับมือผลกระทบจาก
COVID-19 ทบทวนแผนใน 1 เดือน เบื้องต้น โครงการที่ลงทุนแล้วเดินหน้าเต็มที่
ตัดลดรายจ่ายไม่จำเป็น ส่วนน้ำมันเจ็ทนำมาผลิตเป็นดีเซลขาย ระบุน้อยใจ สังคมวิจารณ์ราคาจำแหน่ายแอลกอฮอล์ราคาต่ำ
เตรียมร่วมมือ ก.พลังงานแจกแอลกอฮอล์ระดับหมู่บ้านทั่วประเทศ

นายชาญศิลป์
ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า
จากภาวะโรคระบาด โควิด-19 กระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง มีการล็อคดาวน์ทั่วโลก การใช้น้ำมันดิบตลาดโลกลดลง
25-30 ล้านบาร์เรล/วัน ดังนั้น 
จึงให้ทุกบริษัทในเครือศึกษาการปรับตัวรับมือ และเสนอแผนกลับมาภายใน 1
เดือน จากเดิมที่จะมีการทบทวนแผนทุกกลางปี 
โดยเบื้องต้นได้ให้ตัดงบค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น  แต่ไม่มีการลดเงินเดือนหรือลดพนักงาน  ส่วนงบลงทุน ระยะยาวยังเดินหน้าเช่นเดิม  เช่น  โครงการพลังงานสะอาด
(
Clean Fuel Project)ของ
บมจ.ไทยออยล์ 
โครงการ Ultra
Clean Fuel Project (UCF)
รองรับการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร5  ของ บมจ.ไออาร์อีซี และโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานที่มาบตาพุด  (มาบตาพุดเรโทรฟิต) ของ บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล  เป็นต้น

ส่วนการใช้น้ำมันที่ลดลง โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน หรือเจ็ทนั้น
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า เจ็ทขายไม่ได้เพราะการบินเชิงพาณิชย์หยุดไปทั่วโลก มีแต่ยังมีการบินเชิงความมั่นคงและมนุษยธรรม  ทำให้มีน้ำมันค้างสตอก โรงกลั่นฯในกลุ่ม
ปตท.ได้ปรับเปลี่ยนการผลิต จากที่มีกำลังกลั่นเจ็ทประมาณร้อยละ 12-15
ก็นำมาผลิตเป็นน้ำมันกลุ่มดีเซลทดแทน เนื่องจากการใช้ภาครถยนต์
แม้จะมีการล็อคดาวน์หลายพื้นที่ แต่การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงมีขนส่งต่อเนื่อง
ยอดขายดีเซลจึงยังไม่กระทบมากนัก ในขณะที่กลุ่มเบนซินมียอดใช้ลดลงมา โดยโรงกลั่น
กลุ่ม ปตท.มีกำลังกลั่น ดีเซลประมาณร้อยละ 35-40 กลุ่มเบนซินร้อยละ 15-20 และ
เจ็ทร้อยละ 12-15  


นายชาญศิลป์
กล่าวด้วยว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกขณะนี้ลดลงราว 20 -25 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปกติที่มีความต้องการใช้ราว
100 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมาทั้งปัจจัยจาก
COVID-19 และสงครามราคาน้ำมัน โดยจากราคาน้ำมันต่ำมากในระดับ20-30
ดอลลาร์/บาร์เรล ที่ผ่านมา เป็นราคาที่ผู้ผลิตหลายรายไม่สามารถเดินหน้าต่อได้
เพราะต้นทุนสูงกว่าราคาจำหน่าย  จึงเป็นที่มาที่กลุ่มโอเปกพลัส และสหรัฐหันมาพูดคุยกัน
และโอเปกมีการหารือเพื่อลดกำลังผลิตในวันนี้  ในขณะที่จีนก็ได้สตอกน้ำมันและเริ่มเปิดเมือง
กลับมาซื้อขาย ผลิตสินค้า โดยหลังจากโควิด-19 คลี่คลายแล้ว เศรษฐกิจในเอเชียจะเป็นผู้พยุงเศรษฐกิจโลก
ซึ่งคาดว่า สถานการณ์ โควิด19 น่าจะดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้   

ยอมรับว่า ไตรมาส 1/63 กลุ่ม ปตท.ได้รับผลกระทบหนัก แต่มองว่า
ภาวะการระบาดของโควิด-19 นั้น
สุดท้ายแล้ววิทยาการทางการแพทย์จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ ซึ่งจะเห็นได้จากจีนเริ่มกลับมาเปิดเมืองเดินหน้าผลิตสินค้า
เริ่มสตอกน้ำมัน ราคาปิโตรเคมีเริ่มขยับขึ้น  รัฐบาลทั่วโลก รวมทั้งไทย มีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ
ก็คาดว่า ใน3-6 เดือนข้างหน้าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับ 35-45
ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลจากที่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงอยู่ที่ระดับ 24
ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และต้องจับตาดูการประชุมโอเปกในวันนี้
รวมทั้งการหารือกับรัสเซียด้วยว่าจะมีข้อตกลงประกาศปรับลดกำลังผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันปริมาณเท่าใด”นายชาญศิลป์
กล่าว

นายชาญศิลป์
กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยดำเนินหลากหลายมาตรการในการดูแลผลกระทบจาก
COVID-19 นั้นเป็นเรื่องที่ดี  และจะเห็นได้ว่าเอกชนและรัฐวิสาหกิจก็ร่วมกันเข้ามาช่วยในด้านต่างๆ
ทั้งการร่วมผลิตพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยในส่วนของบริษัทในกลุ่ม ปตท.ก็เข้าร่วมในหลายมิติทั้งพัฒนาเครื่องมือแพทย์
ร่วมบริจาคแอลกอฮอล์ เจล และอื่นๆ ซึ่งกลุ่ม ปตท.ขอเป็นกำลังใจแก่ทีมแพทย์
รวมทั้งประชาชนในการฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ ส่วนกรณีที่มีการวิจารณ์เรื่องการจำหน่ายแอลกอฮอล์ราคาพิเศษของกลุ่ม
ปตท. ในราคา ลิตรละ 110 บาท ซึ่งเป็นราคาต้นทุนและราคาต่ำกว่าท้องตลาดกว่า 3 เท่า
ก็ยอมรับว่า รู้สึกน้อยใจบ้าง เพราะเรื่องนี้เป็นความตั้งใจดีที่เข้ามาช่วยตามนโยบายรัฐบาล
โดย ปตท.ไม่มีบริษัทผลิตแอลกอฮอล์ 70
% ต้องซื้อจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน
อย.มาจำหน่ายในราคาต้นทุนและจัดหาได้ในปริมาณจำกัด  อย่างไรก็ตาม ล่าสุด
ปตท.ก็ได้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน  ในการจัดหาแอลกฮอล์เพิ่มเติม
ส่งไปให้ระดับหมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง
ซึ่งเป็นการโครงการใหม่เพิ่มเติมจาก เดิมที่
 ปตท. ั้งเ้าจัดหาแอลกอฮอล์กว่า 160,000 ลิร เพื่อช่วยเหลือด้านการแพย์และสาธารณสุขของระเ

นายชาญศิลป์
กล่าวถึงการจัดตั้งบริษํท
  PTT International Trading USA Inc. (PTTT USA)  ในสหรัฐ โดย
ปตท.ถือหุ้นทั้งหมดด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก
5,000 เหรียญสหรัฐ นั้น ก็เนื่องจากว่า สหรัฐเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว
(แอลเอ็นจี) รายใหญ่ ของโลก
ในขณะที่ประเทศไทยมีความต้องการใช้แอลเอ็นจีนำเข้าเพิ่มขึ้น
และนำเข้าน้ำมันถึงร้อยละ 80 ดังนั้น
การมีสำนักงานตัวแทนในสหรัฐก็เพื่อติดต่อการค้าได้ทันท่วงที  เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ
และขยายเครือข่ายการค้าให้ครอบคลุมทั่วโลก
ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งการสร้างรายได้
สร้างมูลค่าเพิ่ม และ สนับสนุนการทำธุรกรรมของกลุ่ม ปตท. และบริษัทในเครือ
โดย ปัจจุบัน ปตท.มี การจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ
ในสิงคโปร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ,อังกฤษ และมีสำนักงานตัวแทน ณ.เมืองเซ่ยงไฮ้
ประเทศจีน และ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย