สำนักข่าวไทย 9 เม.ย.-นพ.เหรียญทอง โพสต์เฟซบุ๊กขอสู้ไม่ถอยแม้จะมีบุคลากร รพ.มงกุฎวัฒนะ ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 8 ราย และต้องกักตัวอีก 61 ราย แต่บุคลากรอื่นๆ ในสังกัดของโรงพยาบาลยังพร้อมรบ และขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคนซาบซึ้งในน้ำใจ ที่หลั่งไหลเข้ามา
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะโพสต์ข้อความผ่านFacebook ว่า
“อ่านให้จบ แชร์ให้ทั่ว ความว่า…มันเป็นหน้าที่ของ รพ.และบุคลากรในสังกัดที่จะต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ต่อสู้กับเชื้อโรค จึงเป็นภารกิจที่ต้องเสี่ยง ถ้าไม่กล้าเสี่ยงก็อย่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ อย่าทำงานกับ รพ….พวกเราทีม รพ.มงกุฎวัฒนะภาคภูมิใจเสียด้วยซ้ำที่มีภารกิจหน้าที่นี้ มันเป็นภารกิจรักษาชีวิตซึ่งมีค่ายิ่งกว่ารักษาทรัพย์นะครับ ถึงแม้หลายปีมานี้บุคลากรทางการแพทย์จะเป็นจำเลยสังคม ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกันอย่างมากมายก็ตาม…รพ.มงกุฎวัฒนะและบุคลากรก็เคยโดนเช่นกัน
บุคลากร รพ.มงกุฎวัฒนะที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง 8 ราย , บุคลากรที่ไม่ติดเชื้อแต่ต้องถูกกักบริเวณเพื่อเฝ้าระวังอีก 61 ราย และบุคลากรอื่นๆในสังกัด รพ.มงกุฎวัฒนะที่ยังพร้อมรบ ทุกคนล้วนซาบซึ้งในกำลังใจที่หลั่งไหลเข้ามาและขอขอบพระคุณในกำลังใจที่ได้รับจากท่านทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ …ทุกคนมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม บอกอีกด้วยว่า “หายป่วยเมื่อไหร่ จะกลับมาสู้ต่อ”…นี่คือ ‘นักรบเสื้อกาวน์’ สังกัด รพ.มงกุฎวัฒนะ หนึ่งในทีมประเทศไทยครับ…เป้าหมายของเรา คือประเทศไทยต้องชนะ
การติดเชื้อของบุคลากร 8 รายของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่ใช่เรื่องต้องวิตกกังวล เพราะยังอยู่ในวิสัยที่ รพ.มงกุฎวัฒนะควบคุมได้ อีกทั้ง รพ.มงกุฎวัฒนะมีกำลังพลเกือบ 1,500 นาย เรายังมีกำลังพลมากพอและพร้อมทดแทนกำลังได้ จึงยังคงรักษาอำนาจกำลังรบให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ครับ
พ่อแม่พี่น้องลูกๆหลานๆ คุณปู่ยาตายายทั้งหลาย ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวลกันนะครับ เก็บตัวอยู่ในบ้านไว้ หากเจ็บป่วยก็มาหาเราได้ (พวกเราอีกเกือบ 1,500 นายที่ไม่ติดเชื้อพร้อมดูแลรักษาท่านได้ครับ ส่วนพวกที่ติดเชื้อและพวกที่กักกันตัว ก็ไม่ได้ตาย ไม่ได้ทุพพลภาพ ยังมีชีวิตอยู่ กินได้ นอนได้ ยิ้มได้ หายจากการติดเชื้อเมื่อไหร่ เดินหน้ารบต่อได้เหมือนเดิมครับ)…ที่สำคัญท่านทั้งหลายไม่ต้องบริจาคเงินหรือสิ่งของใดๆ นะครับ ผมเคยเรียนให้ทราบตามโพสต์เมื่อ 1 เม.ย.63 เวลา 14.25 น.แล้วว่า …ทำไมผมไม่รับบริจาคเงินหรือสิ่งของในขณะนี้…
1. สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่จำเป็นสำหรับ รพ.มงกุฎวัฒนะ เพราะยังอยู่ในวิสัยที่รับภาระได้ หากรับเงินหรือสิ่งของไปแล้วไม่ได้ใช้จริงหรือใช้น้อยกว่าความเป็นจริง มันเป็นเรื่องที่ไม่โปร่งใส อีกทั้งการรับบริจาคอาจควบคุมปริมาณการรับบริจาคได้ยากโดยเฉพาะเงินบริจาคที่โอนผ่านเข้าบัญชีเพราะกระแสความรู้สึกของมหาชนที่ตื่นตัว หากเกิดการบริจาคหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากแล้วจะเป็นการสูญเสียทรัพย์ของผู้บริจาคจนมากเกินความสมควร เกินความเป็นจริง ผมไม่สบายใจนะครับ ทั้งนี้ก็เพราะ รพ.มงกุฎวัฒนะเป็น รพ.เอกชนเป็นองค์กรธุรกิจที่แสวงหากำไรครับ
2. ผมมีภาระหน้าที่ส่วนตัวในการเป็นผู้นำภาคประชาชนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเกิดมลทินจากการรับบริจาคเงินหรือสิ่งของที่มากเกินความจำเป็น ไม่รอบคอบแล้ว ตัวผมเองจะตกเป็นเป้าหมาย ถูกให้ร้าย บิดเบือนจนเป็นข้อครหานินทาส่งผลเสียต่อภารกิจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของผม…ชีวิตที่ถวายเป็นราชพลีของผมนี้ ไม่ต้องการแปดเปื้อนด้วยมลทินใดๆครับ
3. ผมได้สัมผัส ‘ศรัทธามหาชน’ แล้วนะครับ มันยิ่งใหญ่และมีค่ามากมายมหาศาล ผมภาคภูมิใจอยู่แล้ว ชีวิตในชาตินี้ของผม…ไม่เสียชาติเกิดแล้วล่ะครับ
4. หากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 สิ้นสุดเมื่อไหร่ รพ.มงกุฎวัฒนะคงจะเจริญก้าวหน้า ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการมากมาย ไม่น้อยกว่าเดิมหรืออาจจะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ นั่นคือผลประโยชน์ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะได้รับอยู่แล้ว การบริจาคเงินหรือสิ่งของจะบริจาคให้ รพ.มงกุฎวัฒนะกันไปทำไมล่ะครับ…การบริจาคเงินหรือสิ่งของให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจะมีขึ้นในกรณีที่สถานการณ์ระบาดรุนแรงคับขันจน รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือสิ่งอุปกรณ์ในการปฏิบัติการที่มีผู้ป่วยจากการระบาดจำนวนมากล้นจนต้องตั้ง รพ.สนาม เท่านั้นครับ…หากไม่ใช่สถานการณ์ในเงื่อนไขนี้แล้ว ผมจะไม่รับบริจาคเงินหรือสิ่งของใดๆครับ
ขอบคุณทุกๆท่านนะครับ พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ 9 เม.ย.63 เวลา 7.31 น.” .-สำนักข่าวไทย