กรุงเทพฯ 7 เม.ย. – 2 ผู้บริหารหญิงธนาคารกสิกรไทยยืนยันความพร้อมการให้บริการ และมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มสินเชื่อช่วงวิกฤติโควิด-19 เร่งรัฐผลักดันมาตรการช่วยเหลือภาคท่องเที่ยว หนุนฟื้นศรษฐกิจไทยให้เป็นรูปตัววี ยืนยันไม่มีนโยบายปลดพนักงาน พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในภูมิภาค
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิด-19 มีทิศทางการฟื้นตัวแบบตัวยูมากกว่าตัววี ดังนั้น สิ่งสำคัญคือมาตรการดูแลภาคการท่องเที่ยวของภาครัฐที่ต้องเร่งให้ลงไปถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กลับมาฟื้นตัวเร็วที่สุด เพราะภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 18% ของจีดีพี คาดว่านักท่องเที่ยวมาไทยปีนี้จะลดลง 50% จากปีก่อน เหลือเพียง 17 ล้านคน โดยจะกลับมาช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สามารถควบคุมได้ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ คาดว่าจีดีพีปีนี้จะติดลบ 5% จากภาคการท่องเที่ยว การส่งออก การบริโภคของเอกชนและภาคครัวเรือนติดลบ และมีเพียงการลงทุนของภาครัฐเท่านั้นที่ยังโต 3% ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเดียวของเศรษฐกิจไทย
ประธานกรรมการกสิกรไทย ได้ย้ำถึงภารกิจหลังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 กสิกรไทยจะยืนหยัดเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศ และร่วมลดทอนผลกระทบและหนุนการฟื้นต้วของเศรษฐกิจผ่านมาตรการดูแลลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่ม
ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ยอมรับว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในไทยและทั่วโลกเป็นความท้าทายที่ค่อนข้างหนัก แต่หากเทียบกับตอนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งจะพบว่าวิกฤติครั้งนี้ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลกให้ตกต่ำ ขณะที่ไทยตัวเลขหนี้ครัวเรือยอยู่ในระดับค่อนข้างสูง แต่ข้อดีคือปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว สภาพคล่องสูง ไม่มีการเก็งกำไรในหุ้นมากเหมือนตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง และมาตรการของภาครัฐออกมาค่อนข้างเร็ว ขณะที่สถานะทางการเงินของสถาบันการเงินไทย รวมทั้งกสิกรไทยยังแข็งแกร่งและสามารถรองรับสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสียกว่า 16% ซึ่งมีการติดตามสถานะของกองทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นจากวิกฤติครั้งนี้ได้
พร้อมยืนยันธนาคารกสิกรไทยไม่มีนโยบายปรับลดพนักงาน รวมทั้งมีมาตรการดูแลพนักงานรวมถึงลูกค้าที่มาใช้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงจากโควิด-19 และดูแลลูกค้าผ่านมาตรการสินเชื่อที่จะทยอยออกมาต่อเนื่อง โดยธนาคารยังเปิดให้บริการผ่านสาขา และมีการเติมเงินสดให้เพียงพอรองรับการทำธุรกรรมผ่านตู้ ATM และดูแลระบบเคพลัสแบงก์กิ้ง ซึ่งลูกค้าสามารถเปิดบัญชีผ่านเคพลัสแบงก์กิ้งในแอปพลิเคชั่นบนมือถือและยืนยันตัวตนอีกครั้งผ่านตู้ ATM ได้ โดยไม่ต้องไปสาขา โดยปี 2563 ตั้งเป้ายอดดาวน์โหลดเคพลัสแบงก์กิ้งเพิ่มขึ้น 24% และมียอดทำธุรกรรมผ่านเคพลัสแบงกิ้งโต 37%
ขณะที่แผนธุรกิจของกสิกรไทยยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในภูมิภาค ทั้งอินโดนีเชีย สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อขึ้นเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค ซึ่งรายได้ปัจจุบันของสาขาในต่างประเทศมีสัดส่วน 80%จากการให้บริการที่ประเทศจีน .- สำนักข่าวไทย