กรุงเทพฯ 7 เม.ย. – รมว.เกษตรฯ สั่งทุกหน่วยเร่งบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออกตามแผน ชี้จีนเริ่มมีคำสั่งซื้อ แต่ระบบขนส่งยังไม่ปกติ พร้อมจัดทำโครงการส่งเสริมการบริโภคในประเทศภายใต้คำขวัญ “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด”
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผลไม้ภาคตะวันออกเริ่มให้ผลผลิตแล้ว สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานว่าไม้ผล 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง มีผลผลิตรวม 995,501 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มี 886,959 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 โดย ทุเรียนให้ผลผลิต 550,035 ตัน เงาะ 210,637 ตัน มังคุด 212,345 ตัน และลองกอง 22,484 ตัน โดยผลผลิตจะออกมากช่วงปลายเดือนเมษายนต่อเนื่องถึงกลางเดือนพฤษภาคม ขณะนี้ราคาผลไม้ต้นฤดูเกณฑ์สูง จุดรวบรวมหรือล้งปรับเปลี่ยนการรับซื้อผลผลิตทุเรียนแบบเหมาสวนเป็นการเหมาแบบตีราคาเดือนต่อเดือนซึ่ง เดือนมีนาคมอยู่ที่ 130-155 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาเหมาล่วงหน้าเดือนเมษายนถึงวันที่ 10 พฤษภาคมอยู่ที่ 15-130 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเกษตรกรพึงพอใจ
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะนี้จีนตลาดใหญ่นำเข้าผลไม้จากไทยมีสัญญานต้องการทุเรียนและมังคุด แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อส่งผลให้ระบบขนส่งและการนำสินค้าผ่านด่านศุลการกรของจีนยังไม่เป็นปกติ ตลาดต่างประเทศกำหนดเข้มเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเกษตรเพิ่มเติมจากที่มีมาตรฐาน GAP และ GMP โดยเน้นมาตรฐานตรวจรับรองการปลอดเชื้อของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ จึงสั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเร่งดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งออก
ขณะเดียวกันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับการบริหารจัดการ กรณีการส่งออกลดลง โดยเน้นส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศจำหน่ายตรงกับผู้บริโภค จำหน่ายผ่านหน่วยงานราชการหรือวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ซื้อขายผ่านกลไกสหกรณ์การเกษตร รวมถึงตลาด Modern Trade ตลาดกลางสินค้าเกษตรต่าง ๆ และการซื้อขายผ่านระบบ online ตลอดจนแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและยืดอายุสินค้าเกษตร ทั้งนี้ กำหนดแนวทางส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรในประเทศ ซึ่งมีคุณภาพดีเยี่ยมภายใต้คำขวัญ “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด”.-สำนักข่าวไทย