สธ.แจงสถานการณ์โควิด-19 คงที่ เร่งฉวยโอกาสนี้ดำเนินการให้ตัวเลขผู้ป่วยลดลง

สธ 3 มี.ค.- สธ.แจงสถานการณ์โควิด-19 คงที่ ฉวยโอกาสนี้เร่งดำเนินการ เพื่อให้ตัวเลขผู้ป่วยลดลง ทั้งเร่งค้นหาผู้ป่วย-ผู้สัมผัส นำเข้าระบบให้เร็วเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด และการเพิ่มระยะห่างทางสังคม เผยขณะนี้ จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่พบ 103 คน ครึ่งหนึ่งเป็นคนสัมผัสใกล้ชิด ผู้ป่วยเก่า 


นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แถลงสถานการณ์ โควิด -19 ว่า ในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ ที่เพิ่ม 103 คน สะสม 1,978 คน กลับบ้านเพิ่ม 76 คน รวมกลับบ้านแล้ว 581 คน เสียชีวิตเพิ่ม 4 คน รวมเสียชีวิต 19 คน ยังรักษาตัวอยู่ รพ.1,378 คน เมื่อดูสาเหตุปัจจัยเสี่ยงจากการสอบสวนโรค พบครึ่งหนึ่งสัมผัสคนป่วยก่อนหน้านี้ และอีกครึ่งหนึ่งเป็นผู้รายใหม่ๆ เลย  ถ้านับเฉพาะคนติดเชื้อภายในประเทศก็ประมาณ 80-90 คน ส่วนที่เป็นการติดเชื้อจากนอกประเทศเข้ามาประมาณ 14-15 คน  


ทั้งนี้ สถานการณ์การป่วยของไทย ถือว่าคงตัว  ฉะนั้นในระหว่างนี้ ควรดำเนินการ 2 มาตรการอย่างเข้มข้น 1.การค้นหาผู้ป่วยและผู้สัมผัส นำเข้าระบบให้เร็วเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค และ 2.ขอความร่วมมือประชาชนในการเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคล สังคม ไม่ออกจากบ้านหากไม่จำเป็น ถ้าจำเป็นต้องออก ต้องสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงที่ที่คนแออัด เลี่ยงคนไอจาม กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว


นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่คลอง3 ปทุมธานีนั้น ต้องขอชี้แจงว่าการพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่ไม่ได้หมายความว่าพื้นที่นั้นจะมีความเสี่ยงมากกว่าที่อื่น ความเสี่ยงเท่าเดิม ขอให้ประชาชนในพื้นที่อย่าตกใจ ซึ่งกรมควบคุมโรคจะส่งคนเข้าไปสอบสวนโรค และให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวทั้งคนที่สัมผัสเสี่ยงสูง โดยเฉพาะคนร่วมบ้าน คนสัมผัสเสี่ยงต่ำเป็นใครควรทำตัวอย่างไร อย่างไรก็ตามขอประชาชนอย่ากังวล โดยเกณฑ์ที่นักระบาดใช้ในการสอบสวนโรคคนสัมผัสเสี่ยงสูงคือ 1.คนที่ใกล้ชิดระยะ 1เมตรนาน 5 นาที มีการพูดคุยโดยไม่มีเครื่องป้องกัน 2.อยู่ในห้องเดียวกัน ห้องปิด กับผู้ป่วย 1 เมตร นาน 30 นาที เป็นต้น ส่วนคนที่อยู่ร่วมชุมชนมีโอกาสน้อยมาก แต่ข้อมูลตั้งแต่ที่มีการตรวจคนสัมผัสเสี่ยงสูงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคนที่โดยสารร่วมสายการบิน นั่งรถคันเดียวกันพบว่าใน 100 คน พบว่าติดเชื้อแค่ร้อยละ  2-4  เท่านั้น 

 

ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า ผลการของประกาศให้โควิด -19 เป็นโรคฉุกเฉินทำให้เกิดการระดมทรัพยากรมาช่วยเหลือ ส่วนค่ารักษาต่างชาติมีประกันสุขภาพ ส่วนคนไทยรักษาตามประกันสุขภาพถ้าไม่มีก็มีระบบหลักประกันสุขภาพ 3 กองทุนดูแล โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งการดำเนินการรักษาพยาบาลที่ผ่านมาได้รับการช่วยเหลือสนับสุนจากภาคเอกชน และ ในส่วนของ รพ.สนาม  วันนี้กฎหมายเรื่องการอนุญาตตั้ง รพ.สนาม เพื่อตอบสนองการควบคุมป้องกันโรคโควิดโดยเฉพาะ มีผลบังคับใช้แล้ว มีคนมายื่น 2 แห่ง อยู่ระหว่างการพิจารณา

สำหรับกลุ่มผู้แสวงบุญที่กลับมาจากประเทศอินโดนีเซียและนักเรียนเอเอฟเอสที่จะเดินทางอเมริกานั้น เบื้องต้นได้มีการนำโรงแรมบาล (Hospitel) หรือ โรงแรมที่ดัดแปลงมาเป็นสถานพยาบาลมาดูแลผู้ที่เดินทางกลับมาทั้งหมด หลังจากพื้นที่ของสัตหีบอาจไม่มีเพียงพอรองรับ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้