กรุงเทพฯ 2 เม.ย.-“พ.อ.เศรษฐพงค์” หนุนนำร่องเรียนออนไลน์ช่วงวิกฤติโควิด-19 แนะรัฐบาล-ศธ.-อว. เร่งยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนและรับรองหลักสูตรเรียนออนไลน์ ตั้งแต่ระดับต้นถึงปริญญา เพื่อให้หน่วยราชการ-เอกชน ยอมรับปริญญาหลักสูตรออนไลน์
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ขณะนี้ ทำให้ภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยว รวมถึงการศึกษาต้องหยุดชะงัก หรือชะลอตัวลง ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบตามมา โดยเฉพาะภาคการศึกษาที่มีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศอย่างมาก จากสถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 จะดำรงไปอีกนานเท่าใด แต่การเรียนการศึกษาของเด็กไทยจะหยุดไม่ได้ ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนการศึกษาผ่านระบบออนไลน์อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าหลายหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ที่มีกันอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการรับรองจากทางกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำให้หน่วยงานราชการ หรือเอกชนบางหน่วยงาน ไม่ยอมรับปริญญาที่สำเร็จผ่านการเรียนออนไลน์
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า ทางกระทรวงที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาหรือแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับวิธีการเรียนการสอนและมาตรฐาน พร้อมรับรองหลักสูตรการศึกษาออนไลน์ ตั้งแต่การศึกษาระดับต้นไปจนถึงระดับปริญญา ซึ่งที่ผ่านมา นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เริ่มนโยบายจัดการศึกษาออนไลน์ให้กับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ไปบ้างแล้ว เพราะเห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญของการศึกษาที่จะหยุดชะงักไม่ได้ ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกอย่างหยุดชะงัก แต่เด็กสามารถเรียนได้ตามปกติและไม่เสียโอกาสในการเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาในชั้นเรียนใหม่ ตนเห็นว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก แต่สิ่งสำคัญ คือ เราต้องทำให้หลักสูตรออนไลน์ในทุกระดับได้รับการรับรองและเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน
“หลังจากนี้ แม้วิกฤติโควิด จะหายไป แต่ผู้ปกครองก็อาจไม่แน่ใจที่จะปล่อยให้ลูกหลานออกมาเรียนหนังสือนอกบ้าน เพราะฉะนั้นการเรียนออนไลน์อาจจะต้องทำเต็มรูปแบบไปอีก 2-3 เทอมข้างหน้า ดังนั้นแนวทางที่ดี คือ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหยิบเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาอย่างจริงจังว่าหลักสูตรออนไลน์ต้องได้รับรองมาตรฐาน โดยมีการยกระดับปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ซึ่งอนาคตอาจเกิดวิกฤติไวรัสแบบนี้ หรือวิกฤติแบบอื่นอีกก็ได้ ทำให้คนไม่สามารถออกมารทำงานหรือเรียนหนังสือได้ ดังนั้นอาจจะเกิดเป็นแนวโน้มใหม่ที่พ่อแม่จะทำงานที่บ้านไปพร้อม ๆ กับที่ลูกก็เรียนแบบ Home school หรือเรียนออนไลน์ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องยกเครื่องและปรับปรุงหลักสูตรออนไลน์ให้การรับรองมาตรฐาน ซึ่งเราจะได้แรงงานจบใหม่ที่มีคุณภาพไม่ต่างจากการเรียนปกติ ตรงนี้ก็เพื่อให้เกิดการยอมรับจากภาคธุรกิจและหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะสามารถรับเข้าทำงานได้” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย