BIG STORY : รอผลยืนยัน ชายวัย 57 เสียชีวิตบนรถไฟ จากโควิด-19 หรือไม่

ประจวบคีรีขันธ์ 1 เม.ย. – รอผลตรวจยืนยัน ชายวัย 57 ปี เสียชีวิตบนรถไฟขบวนที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่ามาจากโรคประจำตัว หรือเพราะโควิด-19 ภาพวงจรปิดพบขณะที่ชายคนนี้ซื้อตั๋วรถไฟ ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และยังไอตลอดเวลา


กรณีชายอายุ 57 ปี เสียชีวิตบนรถไฟสายใต้ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีโรคประจำตัวและติดเชื้อโควิด-19 แพทย์ขอตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เนื่องมาจากโรคประจำตัว หรือเพราะโควิด-19 แต่ที่สร้างความหวาดวิตกไม่น้อย หลังมีภาพวงจรปิดเผยแพร่ พบว่าขณะที่ชายคนนี้ซื้อตั๋วรถไฟ ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และยังไอตลอดเวลา


ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพผู้โดยสารคนนี้เป็นชายอายุ 57 ปี รอซื้อตั๋วรถไฟ จะเห็นว่ามีหน้ากากอนามัยเกี่ยวไว้ที่หู บางช่วงก็หยิบมาถือ แต่ไม่ได้ปิดคาดปากแต่อย่างใด และยังไอตลอดเวลา   


นี่เป็นภาพก่อนที่จะพบว่าชายคนนี้เสียชีวิตบนขบวนรถไฟขบวนที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา นายฐากูร อินทรชม ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า หลังจากพบเสียชีวิต ได้นำศพลงที่สถานีทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมประสานแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และขณะนั้นพบข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่าผู้เสียชีวิตมีเชื้อโควิด-19 แต่ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง 

สำหรับผู้เสียชีวิตได้ขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อ ขณะที่เดินทางยังมีอาการปกติ แต่ระหว่างทางมีอาหารไอ อาเจียน เมื่อถึงช่วงสถานีหัวหิน เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟได้ประสานเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาตรวจสอบ พบว่ามีอาการไอและอาเจียนลดลง ตรวจวัดอุณหภูมิได้ที่ 36 องศาเซลเซียส  จึงแนะนำให้ลงพักรักษาตัวที่หัวหิน แต่เจ้าตัวต้องการเดินทางต่อ เมื่อถึงบริเวณสถานีทับสะแก พบว่าผู้โดยสารล้มลงและเสียชีวิตหน้าห้องน้ำ จึงให้ขบวนรถหยุดเพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากปากีสถาน และมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศปากีสถาน  ส่วนผู้โดยสารที่อยู่ในขบวนดังกล่าว การรถไฟฯ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทับสะแก เพื่อเรียกตัวมาตรวจสอบแล้ว โดยวันดังกล่าวมีผู้โดยสารรรวมผู้เสียชีวิต 16 คน และการรถไฟยังได้กักตัวพนักงานตู้นอนและตำรวจรถไฟแล้ว

ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด เนื่องจากมีโรคประจำตัว และติดเชื้อโควิด-19 กรณีนี้เป็นการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันค่อนข้างมาก ฉะนั้นต้องรอการตรวจสอบอย่างชัดเจน เพราะอาการของโรคโควิด-19 ที่จะพัฒนาจนเกิดการปอดอักเสบรุนแรง จะเกิดขึ้นระหว่างช่วงวันที่ 8-10 ของการติดเชื้อ จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนเป็นเบาหวานที่ไม่ได้รับการควบคุม ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีอาการรุนแรง. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว