ทำเนียบฯ 30 มี.ค.-ศบค.แถลงสถานการณ์โควิด-19 ปลัด สธ.แจงการกระจายหน้ากากอนามัยให้ รพ.ร่วมกับไปรษณีย์ไทยจัดส่งไปยังโรงพยาบาลทุกจังหวัด ขณะที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ย้ำจัดสรรหน้ากากอนามัยให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน ว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงมาตรการในการลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ที่ประชาชนได้ร่วมกันทำอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นไปในทิศทางที่ดี พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันในการดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนด อาทิ การเว้นระยะห่างกันไม่เกิน 1-2 เมตร ล้างมือดูแลตัวเองปฏิบัติให้เป็นนิสัย สามารถช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ ซึ่งอัตราการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ถือว่ายังดีกว่าในอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ที่มีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
นพ.สุขุม กล่าวว่า ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะศูนย์กลางในการกระจายอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ได้ประสานงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ในการกระจายหน้ากากอนามัย โดยสัดส่วนหน้ากากอนามัยทั้งหมด 19.59 ล้านชิ้น ได้แบ่งตามโรงพยาบาลในสังกัด สธ. และโรงพยาบาลนอกสังกัด โดยทางกระทรวงได้ร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยในการช่วยจัดส่งและกระจายหน้ากากอนามัยไปยังโรงพยาบาลทุกจังหวัด
ส่วนความกังวลเรื่องการขาดแคลนหน้ากากอนามัย N95 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องปฏิบัติงานดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 หรือทำหัตถการ นพ.สุขุม กล่าวว่า จากการสำรวจถึงความต้องการในการใช้หน้ากากอนามัย N95 มีความต้องการใช้ประมาณ 17,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งหน้ากากอนามัย N95 ในคงคลังของโรงพยาบาลในสังกัดมีอยู่ประมาณ 172,556 ชิ้นและในส่วนองค์การเภสัชกรรม มีประมาณ 53,995 ชิ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนจัดหาเพิ่มเติม คือ 1.นำเข้าจากบริษัท 3M จำนวน 200,000 ชิ้น จะได้รับของในวันที่ 10 เม.ย. 2.บริษัท สยามโคเค็น จำกัด ซึ่งจะมีการนำเข้าเดือนละ 100,000 ชิ้น และ 3.องค์การเภสัชกรรมจะนำเข้าจากประเทศจีน จำนวน 400,000 ชิ้น ขณะที่หน้ากากอนามัย รวมถึงเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากบริษัทอาลีบาบานั้น กระทรวงสาธารณสุขนำส่งไปให้โรงพยาบาลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ขณะนี้ต้องดูแลผู้ป่วยโควิดที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้น
ส่วนการกระจายยา Favipiravir (ฟาวิพิราเวียร์) นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้มียาอยู่ในคงคลังประมาณ 23,910 เม็ด ได้มีการกระจายไปตามโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่ต้องใช้ดูแลผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเร่งด่วน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีการวางแผนในการจัดหายาจาก 2 แหล่ง คือ จากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 240,000 เม็ด วันนี้( 30 มี.ค.) ได้รับมา 40,000 เม็ด ภายในเดือนเมษายน รับอีก 200,000 เม็ด , จากประเทศจีน 100,000 เม็ด
นอกจากนี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเรื่องหน้ากากอนามัย โดยข้อมูลหน้ากากอนามัยในไทย มีขึ้นทะเบียนกับ อย.ไว้ทั้งหมด 11 โรงงาน กำลังการผลิต 1,200,000 ชิ้นต่อวัน หรือ 36 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์
ส่วนที่มีข่าวการสต๊อกหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นนั้น นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า อาจเป็นตัวเลขที่คลาดเคลื่อน ไม่ได้มีอยู่จริง เพราะจากข้อมูลพบว่าไส้กรองด้านในของหน้ากากอนามัย เป็นส่วนที่จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งโรงงานให้ข้อมูลว่าวัตถุดิบที่มีในเวลานั้น จะผลิตหน้ากากได้ประมาณ 200 ล้านชิ้น จึงคิดว่าตัวเลขที่ตกเป็นข่าว เป็นตัวเลขคลาดเคลื่อน
นายบุณยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นมา ประชาชนต้องการใช้หน้ากากเขียวมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์จึงต้องจัดสรรหน้ากากให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน โดยให้โรงงานส่งปริมาณการผลิต 50% จากโรงงานมาให้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ แต่ 50% ก็ให้โรงงานดำเนินธุรกิจตามปกติต่อไป แต่กระทรวงควบคุมไม่ได้ และเกิดปัญหาที่สินค้าส่วนหนึ่งที่อยู่ในตลาดมีราคาสูงขึ้นมา กระทรวงพาณิชย์จึงออกประกาศตามมาว่ากระทรวงพาณิชย์ขอเอากำลังการผลิตทั้งหมดมาบริหารจัดการ และให้กระทรวงมหาดไทยบริหารจัดการในพื้นที่ว่ากลุ่มเสี่ยงที่มีความต้องการใช้สูงสุด ส่วนที่เหลือจึงจำหน่ายให้กับประชาชน โดยเบื้องต้น กทม.จะได้จัดสรรวันละ 1 แสนชิ้น และอีก 9 แสนชิ้นจะจัดสรรไปทั่วทุกภูมิภาค โดยล๊อตแรกจะส่งออกไปในวันนี้ (30 มี.ค.) เวลา 17.00 น.-สำนักข่าวไทย