ภูเก็ต 25 มี.ค.- คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตมีมติล่าสุดให้ปิดเพิ่มเป็นสวนสาธารณะและคลินิกทันตกรรมที่มีความเสี่ยงโควิด-19 พร้อมออกประกาศทั้งฉบับภาษาไทย-อังกฤษ ขอความร่วมมือประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติงดกิจกรรมนอกบ้านหรือที่พัก
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 8/2563 ว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติมจากที่มีประกาศไปก่อนหน้านี้ คือ สวนสาธารณะ ซึ่งยังมีผู้คนยังไม่เข้าใจในการดูแลตัวเองและครอบครัว รวมถึงคลินิกทันตกรรมที่มีความเสี่ยง แต่ไม่รวมถึงคลินิกทันตกรรมที่อยู่ในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือในประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวจับกลุ่มกันออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่บริเวณชายหาดสาธารณะ หาดป่าตอง เมื่อปรากฏเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางนายอำเภอกะทู้ และ ผกก.สภ.ป่าตอง ได้ไปทำความเข้าใจนักท่องเที่ยวเหล่านั้นว่ามีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็เข้าใจและยอมออกจากชายหาดตั้งแต่เวลา 21.00 น. บริเวณชายหาดก็โล่งไม่มีนักท่องเที่ยวอีกเลย
“เราเข้าใจว่านักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อน แต่เมื่อมีการประกาศปิดทั้งสถานบันเทิง สระว่ายน้ำโรงแรม พูลวิลล่า รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีโอกาสแพร่เชื้อ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำ หากมีผู้ที่มีความเสี่ยง หรือผู้ที่อาจจะมีเชื้อลงไปใช้บริการสระว่ายน้ำ ขณะที่ทางผู้ประกอบการยังไม่ได้มาทำความสะอาดหรือรักษามาตรฐานของคลอรีนในน้ำไม่ได้มาตรฐาน อาจจะทำให้ผู้มาใช้บริการคนต่อไปมีความเสี่ยงรับเชื้อต่าง ๆ ได้ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มีสถานที่ในการพักผ่อน จึงออกนอกสถานที่พักมาอยู่ตามชายหาด”
ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ย้ำว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ออกประกาศเป็นมาตรการในการปฏิบัติตัว เนื่องจากในส่วนของจังหวัดภูเก็ตยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เรื่องการปิดสถานที่ จึงมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษด้วย รวมทั้งจะออกประกาศผ่านทางนายอำเภอ เสียงตามสาย ทำความเข้าใจไปชี้แจงไปยังผู้ประกอบการโรงแรม กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่าง ๆ ในการช่วยกันกระจายข่าวให้นักท่องเที่ยวรับทราบ เพื่อขอความร่วมมือให้งดออกจากที่พัก หากไม่มีความจำเป็น
นายภัคพงศ์ กล่าวด้วยว่า ทางจังหวัดจะออกเป็นประกาศขอความร่วมมือจะไม่มีสภาพบังคับตามกฎหมาย เพราะยังไม่มีอำนาจที่จะห้ามคนออกนอกเคหะสถาน การที่จะใช้อำนาจตามกฎหมายก็ต้องใช้ตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ถึงจะห้ามผู้คนออกจากเคหะสถานได้ ฉะนั้นช่วงนี้มาตรการต่าง ๆ จะเป็นเรื่องขอความร่วมมือ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นให้อยู่แต่ในบ้าน และทุกวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ก็ทำงานหนักทำกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย