วิษณุแจงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯไม่ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนยังเดินทางได้

ทำเนียบฯ 25 มี.ค.- “วิษณุ” แจงข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  ยันไม่ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนสามารถเดินทางได้ แต่ถ้าไปต่างจังหวัดต้องผ่านการตรวจเข้มข้น ห้ามผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป บุคคลที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี งดออกจากบ้านพัก ห้ามการชุมนุม เตือนสื่อหากเสนอข่าวโควิด-19 บิดเบือน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด จะมีโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังนายกรัฐมนตรีประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  ว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาเป็นการประกาศในกรณีความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ แต่ครั้งนี้นำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงเป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำได้ นิยามของคำว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในกฎหมายนั้น รวมไปถึงภัยสาธารณะคือโรคภัยไข้เจ็บ

ตามกฎหมายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต้องทำโดยมติคณะรัฐมนตรีและให้อำนาจนายกรัฐมนตรีลงนามเป็นผู้ประกาศและเผยแพร่ในวันนี้แต่จะมีผลจริงในวันที่ 26 มีนาคม นั่นหมายความว่าหลังเที่ยงคืน วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งประกาศได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่สามารถขยายเวลาต่ออายุได้อีก  ซึ่งขณะนี้ประกาศตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 แล้วจึงประเมินสถานการณ์พิจารณาต่ออายุเป็นครั้งคราวไป คราวละไม่เกิน 3 เดือน


นายวิษณุ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาเมื่อวานนี้  แต่การบังคับใช้ให้มีผลวันที่ 26 มีนาคม เพราะรัฐบาลต้อง ให้เจ้าหน้าที่เตรียมตัวรับรู้และเตรียมการปฏิบัติ รวมถึงตัวประชาชนเองที่จะต้องเตรียมตัวจึงต้องเตือนประกาศให้รู้และเมื่อถึงเวลาก็จะบังคับใช้จริง แล้วก็ถือเป็นการเตือนให้รู้มากกว่า 24 ชั่วโมงล่วงหน้า และจะบังคับใช้จริงจังตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป

รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า สถานการณ์ฉุกเฉินกฎหมายกำหนดเบื้องต้นไว้ว่าสามารถโอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย มาเป็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอกระทรวงต่าง ๆ และจะมีการออกคำสั่งให้โอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ตามพระราชบัญญัติ 40 ฉบับในเบื้องต้นมาเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีแต่ละคนก็ยังดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงเหมือนเดิม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้รวมถึงเจ้าหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติตามคำสั่งเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายกรัฐมนตรีจะเข้าไปสู่อำนาจเมื่อใดก็ได้  ซึ่งคำสั่งที่ออกมาจะเป็นเรื่องโอนอำนาจตามพระราชบัญญัติ 40 ฉบับเพื่อความรวดเร็วและบูรณาการ

นายวิษณุ กล่าวว่า คำสั่งที่ 2 เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้รักษาสถานการณ์ โดยนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ทั่วประเทศ และตั้งรองนายกรัฐมนตรีทุกคน เป็นผู้ช่วยในการอำนวยการรักษาสถานการณ์ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ทั่วประเทศ ขณะที่ผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านต่าง ๆ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านสาธารณสุขทั่วราชอาณาจักร ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านการปกครองเกี่ยวกับผู้ว่าราชการจังหวัดและกรุงเทพฯ


ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้ารับผิดชอบเกี่ยวกับผู้ควบคุมสินค้าไม่ให้ขาดแคลนขาดตลาดขึ้นราคา ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารออนไลน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน นอกจากนั้นมีหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับด้านการประสานงาน โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ

รองนายกรัฐมมนตรี กล่าวว่า คำสั่งฉบับที่ 3 ที่จะออกมาตราการเกี่ยวกับการตั้งศูนย์หรือหน่วยบริหาร เรียกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  ยกระดับขึ้นมาเป็น ศอฉ. ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจสั่งการผ่านศูนย์โดยไม่ต้องเรียกคณะกรรมการก็ได้ หรือมีการประชุมมีมติโดยไม่ต้องเรียกประชุมเต็มคณะ อย่างไรก็ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้นายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดต่าง ๆ ได้ซึ่งจะกระทบต่อวิถีชีวิตและทำให้สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีข้อย่อยประมาณ 15 ถึง 17 ข้อ โดยจะลงในราชกิจจานุเบกษาและเผยแพร่ต่อไป โดยจะกำหนดพฤติกรรมต่าง ๆ เอาไว้อยู่ 3 ประเภท คือประเภทห้ามทำ ประเภทให้ทำ และประเภทควรทำ

นายวิษณุ กล่าวว่า มาตรการที่เกี่ยวกับการห้ามทำคือ ห้ามประชาชนเข้าพื้นที่เขตกำหนด เหมือนคำสั่งของผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ปิดสถานที่ต่าง ๆ สนามกีฬา สถานบริการ สถานบันเทิง ก็ยกมาซ้ำในข้อกำหนดนี้อีก จังหวัดใดยังไม่สั่งห้ามก็ให้ทำในลักษณะเดียวกัน เพื่อป้องกัน การแพร่ระบาด  ส่วนสถานที่บางอย่างที่ยังไม่ได้ห้ามไว้ก่อน ให้พิจารณาตามความเหมาะสม เช่นแหล่งท่องเที่ยวสาธารณะตามธรรมชาติ อย่างชายหาดบางแสน ชายหาดพัทยา ชายหาดหัวหินชายหาดสัตหีบ ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสม 

ห้ามบุคคลทั้งหลายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ว่าจะมาทางบก ทางเรือหรือท่าอากาศ ยกเว้น 1.คนไทยที่ตกค้างอยู่ต่างประเทศซึ่งมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร แต่ต้องมีเอกสารสำคัญคือใบรับรองทางการแพทย์ว่ามีสภาพที่สามารถบินได้หรือไม่ หรือใบรับรองอื่น ๆ ก็ให้ติดต่อสถานทูต  2.บุคคลที่เป็นคณะทูตซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วออกไปและต้องการกลับเข้ามาในประเทศ ก็สามารถแจ้งกระทรวงการต่างประเทศของไทยและมีใบรับรองเช่นเดียวกันจึงจะกลับเข้ามาได้ 3.ผู้ขนส่งสินค้าที่เข้ามาและกลับออกไปโดยเร็ว 4. กรณีผู้ที่มากับยานพาหนะเช่น นักบิน สจ๊วต แอร์โฮสเตส เข้ามาอยู่ในเวลาจำกัดและต้องรีบกลับออกไป 5. และบุคคลที่ได้รับการยกเว้นโดยคณะรัฐมนตรีหรือหัวหน้าที่รับผิดชอบ 

นอกจากนี้ ห้ามชุมนุม จึงต้องมีการระวังการเว้นระยะห่างเพราะการชุมนุมรวมกันมาก ๆ ห้ามเผยแพร่ข่าวสารปลอม ยืนยันว่าไม่ได้ลิดรอน เสรีภาพ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการรวมกลุ่มและการแพร่ข่าว ที่เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกและเกิดความเสียหายขึ้น

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนการบังคับให้ทำเรื่องต่าง ๆ เป็นการบังคับส่วนราชการเช่นให้กระทรวงทบวงกรม และหน่วยงานของรัฐ เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้ศูนย์ราชการหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมโรงพยาบาลสนามยาเวชภัณฑ์ หาหมอที่เกษียณไปแล้ว มาขึ้นทะเบียนเพื่อระดมสรรพกำลังเตรียมบุคลากร เตรียมยา เตรียมเวชภัณฑ์ เตรียมเตียง โรงพยาบาล จนไปถึงการเช่าโรงแรม หอประชุม ศาลาวัด อาคารเอกชน มาเป็นที่พักรักษาผู้ป่วย ซึ่งหลายที่มีการเตรียมการไว้แล้วรวมถึงโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งใช้ที่จอดรถเตรียมการไว้แล้ว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเภทเรื่องที่ควรทำ 1. ควรที่จะอยู่บ้าน ควรที่จะไม่ออกนอกบ้าน แต่ไม่ได้สั่งห้ามทันที  แต่ควรร่วมมือ คือบุคคล 3 ประเภท ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการแพทย์ระบุว่ามีความเสี่ยงสูงมาก จึงขอให้อยู่ที่บ้าน เว้นแต่จะออกไปทำธุรกิจ ธุรกรรมบางอย่างที่จำเป็น ประกอบด้วย บุคคลที่สูงอายุเกินกว่า 70 ปี  บุคคลอายุเท่าไหร่ก็ตามที่เป็นโรคประจำตัว  และ เด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบลงมา ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงมากเป็นขอให้อยู่กับบ้าน เว้นแต่จะออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ

นายวิษณุ กล่าวว่า อีกเรื่องนึงคือเรื่องการเดินทางไปต่างจังหวัด หรืออยู่ต่างจังหวัดกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ การเดินทางข้ามจังหวัดยังอยู่ในมาตรการควรทำตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 ขณะนี้ไม่ได้ห้ามยังสามารถเดินทางได้ แต่จะมีมาตรการเข้าไปเกี่ยวข้อง จนทำให้การเดินทางยากและลำบาก โดยฝ่ายความมั่นคงจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กองอาสาสมัครไปตั้งจุดสกัดหรือด่าน โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างจังหวัด และตรวจสอบยานพาหนะว่ายืนหรือนั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตรหรือไม่,ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าหรือไม่ ,มีการตรวจวัดอุณหภูมิ      เจลล้างมือทำความสะอาด ,ตรวจดูว่ามีการดื่มสุราบนยานพาหนะหรือไม่ ซึ่งอาจจะดำเนินคดีได้ 

หรือบางกรณีมีมาตรการข้อกำหนดอนุญาตให้ทำได้ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังจะร่วมกับกระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติหาทางปิด Application ติดตามตัวแก่ผู้โดยสารทั้งหลาย ที่สำคัญต้องเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้กรอกแบบฟอร์ม เพื่อตรวจสอบติดตามหากมีการแพร่ระบาดไวรัส และอาจจัดการคนที่เกี่ยวข้องซึ่งรัฐจำเป็นต้องมีข้อมูลโดยหลักคือสามารถเดินทางได้แต่จะไปโดยยากลำบาก 

ข้อกำหนดฉบับที่ 2 และ 3 เตรียมจะออกแต่ยังไม่ออกจะมีความเข้มข้นขึ้น อาจออกเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ 

นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ปิดประเทศ ให้คนไทยกลับเข้ามาได้ แต่ปิดสำหรับชาวต่างประเทศ ไม่สั่งให้ปิดบ้านสามารถเดินทางได้ออกนอกบ้านได้ไม่จำกัดเวลายังไม่ประกาศเคอร์ฟิว  แต่มีข้อแนะนำสำหรับทุกคนสามประเภทที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรค  โรงงาน ธนาคาร เปิดตาม ปกติ ห้างสรรพสินค้าเปิดเฉพาะที่ กทม. แถลง ห้ามกักตุนสินค้า ประชาชนสามารถสั่งสินค้าผ่านเดลิเวอรี่ ออนไลน์ ยังไม่มีคำสั่งห้ามออกจากบ้าน  สื่อมวลชนสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ ไม่ปิดสถานี แต่จะเข้มงวดกับสื่อที่นำเสนอข่าวบิดเบือนเกี่ยวกับโควิด-19 

นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลให้มีการประกาศเคอร์ฟิว จะมีการพิจารณารายวันทุกวัน และประเมินจากข้อมูลสถานการณ์ คนเจ็บ คนตาย และความน่ากังวลของการแพร่ระบาด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประเมิน สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการกักตุนอาหารในเวลานี้ว่า การกักตุนอาหารไม่มีนิยาม แต่จะปรากฎตามข้อเท็จจริง จะพยายามตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่ถึงขั้นต้องดำเนินคดีกับผู้กักตุนอาหารหรือไม่นั้น ก็ต้องดูอีกครั้ง แต่ยังไม่ถึงขั้นการประกาศจำกัดโควต้าในการซื้อสินค้า ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนการขนส่งสาธารณะนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีการห้ามการเดินทาง เพียงแต่จะเข้มงวดในการจัดระเบียบเรื่องการจัดที่นั่งเว้นที่นั่งของรถสาธารณะทุกชนิด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกำลังหารือกับนายกรัฐมนตรี ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ก็กำลังหารือกับนายกรัฐมนตรีเรื่องช่วยฝ่ายความมั่นคงตั้งจุดสกัดคัดกรองระหว่างจังหวัดเช่นเดียวกัน วันนี้ขออย่าถามว่าถึงระดับ 3 หรือไม่ ให้แพทย์เป็นผู้ชี้แจง เพราะมาตรการขณะนี้ไปถึงระดับ 10 แล้ว

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดในการทำงานเช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ปริมณฑลอย่าง นนทบุรี สมุทรปราการ แล้วต้องเดินทางมา กทม.ว่า ยังสามารถเดินทางมาได้ เพียงแต่ต้องผ่านจุดสกัด ทั้งนี้ หากเดินทางไปกลับบ่อยมาก ก็อาจจะมีใบอนุญาตออกให้ เพียงแต่ต้องมีการวัดอุณหภูมิทุกครั้งเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในข้อกำหนด ได้ย้ำมาตรการป้องกันโรคสำหรับทุกคนที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 5 ข้อ คือ สถานที่ต้องทำความสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย ไม่แออัดยัดเยียด มีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ทุกคนต้องสวมหน้ากาก หมั่นใช้สบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 

ส่วนผู้ที่ไม่ได้เข้าข่าย 3 กลุ่ม และไม่มีบ้านพักอาศัยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ขอให้แจ้งให้รัฐบาลทราบ ผ่านทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือศูนย์โควิด-19 ทำเนียบรัฐบาลได้ ซึ่งสถานที่ที่รัฐเตรียมเอาไว้ ก็เพื่อรองรับผู้ที่ต้องกักตัวเอง ผู้ที่ต้องกักกัน และผู้ที่ติดโรคแต่สถาบันบำราศนราดูรรับไม่ได้

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด ประกอบกับมีสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ มีพิธีการซึ่งรัฐบาลได้นำความกราบบังคมทูลว่า งานใดที่เป็นราชพิธีซึ่งมีหมายของพระราชวัง ยังจัดได้ภายใต้มาตรการป้องกันโรค 5 ประการ เช่น วันจักรี วันสงกรานต์ วันฉัตรมงคล จัดผู้คนให้เหลือน้อย จัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด และงานที่ทางรัฐบาลเคยจัด อย่าง งานสโมสรสันนิบาตนั้น รัฐบาลได้ขอพระราชทานเลื่อนหรืองด  รวมถึงงานพระราชทานปริญญาบัตรช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน รัฐบาลก็ได้ขอพระราชทานเลื่อนหรืองด ซึ่งก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นไปตามนั้น

ส่วนที่มีแพทย์เตือนว่า หากภายใน 30 วันยังไม่มีการปิดเมือง จะทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 3 แสนคนนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า มีการประเมินสถานการณ์รายวันอยู่แล้ว ไม่ได้อยากจะบอกว่ารัฐรับความเสี่ยงได้ ซึ่งรัฐประเมินอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ทั้งหมดรัฐฟังภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น รัฐไม่สามารถหยั่งรู้เองได้อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

ทหาร-ตร.วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดน จ.สระแก้ว

สระแก้ว 10 มิ.ย. – ทหารพราน-ตำรวจ วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพิ่มความเข้มงวดลาดตระเวน-ตั้งจุดตรวจคัดกรอง ขณะที่ตลาดโรงเกลือยังเปิดทำการ แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ด้านชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เริ่มคลายกังวล ออกทำไร่ทำสวน ใช้ชีวิตปกติ บรรยากาศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.โคกสูง และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ยังคงเคร่งครัดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 12-13 ตชด. จัดกำลังออกลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โคกสูง ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบตามแนวถนนสีเพ็ญ เส้นทางที่เชื่อมชายแดนไทยกับกัมพูชา ใกล้ตลาดโรงเกลือ จุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการวางกำลังแน่นหนา แต่ในช่วงเช้าวันนี้ (10 มิ.ย.) ตลาดโรงเกลือยังคงเปิดทำการตามปกติ พ่อค้าแม่ค้านำสินค้านานาชนิดมาวางขาย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ทั่วไป มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายซื้อของอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรวมยังค่อนข้างเงียบเหงากว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากความวิตกของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัย หลังเกิดข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางการมีการปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน ส่งผลให้การเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด บรรดานักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยังคงรู้สึกไม่มั่นใจในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชายแดน […]

ปิดตำนาน “บิ๊กสุ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี นอกจากบทบาททางการทหารแล้ว พล.อ.สุจินดา ยังมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองไทย.-สำนักข่าวไทย

จ่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน “พญ.” แอบอ้างสั่งยานอนหลับ

10 มิ.ย.- จ่อสั่งแพทย์หญิงคนดัง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกจับกุม แอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ พบก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมเอี่ยวจีนเทา กรณีตำรวจ ปส. และ อย. เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึงแพทย์หญิงคนดัง พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียนแพทย์หญิงคนดังเกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้ เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้ ล่าสุดชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่า แพทย์หญิงคนดัง ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่า หากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง […]

นายกฯ คุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน […]