วิษณุแจงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯไม่ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนยังเดินทางได้

ทำเนียบฯ 25 มี.ค.- “วิษณุ” แจงข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  ยันไม่ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนสามารถเดินทางได้ แต่ถ้าไปต่างจังหวัดต้องผ่านการตรวจเข้มข้น ห้ามผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป บุคคลที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี งดออกจากบ้านพัก ห้ามการชุมนุม เตือนสื่อหากเสนอข่าวโควิด-19 บิดเบือน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด จะมีโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังนายกรัฐมนตรีประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  ว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาเป็นการประกาศในกรณีความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ แต่ครั้งนี้นำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงเป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำได้ นิยามของคำว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในกฎหมายนั้น รวมไปถึงภัยสาธารณะคือโรคภัยไข้เจ็บ

ตามกฎหมายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต้องทำโดยมติคณะรัฐมนตรีและให้อำนาจนายกรัฐมนตรีลงนามเป็นผู้ประกาศและเผยแพร่ในวันนี้แต่จะมีผลจริงในวันที่ 26 มีนาคม นั่นหมายความว่าหลังเที่ยงคืน วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งประกาศได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่สามารถขยายเวลาต่ออายุได้อีก  ซึ่งขณะนี้ประกาศตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 แล้วจึงประเมินสถานการณ์พิจารณาต่ออายุเป็นครั้งคราวไป คราวละไม่เกิน 3 เดือน


นายวิษณุ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาเมื่อวานนี้  แต่การบังคับใช้ให้มีผลวันที่ 26 มีนาคม เพราะรัฐบาลต้อง ให้เจ้าหน้าที่เตรียมตัวรับรู้และเตรียมการปฏิบัติ รวมถึงตัวประชาชนเองที่จะต้องเตรียมตัวจึงต้องเตือนประกาศให้รู้และเมื่อถึงเวลาก็จะบังคับใช้จริง แล้วก็ถือเป็นการเตือนให้รู้มากกว่า 24 ชั่วโมงล่วงหน้า และจะบังคับใช้จริงจังตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป

รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า สถานการณ์ฉุกเฉินกฎหมายกำหนดเบื้องต้นไว้ว่าสามารถโอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย มาเป็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอกระทรวงต่าง ๆ และจะมีการออกคำสั่งให้โอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ตามพระราชบัญญัติ 40 ฉบับในเบื้องต้นมาเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีแต่ละคนก็ยังดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงเหมือนเดิม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้รวมถึงเจ้าหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติตามคำสั่งเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายกรัฐมนตรีจะเข้าไปสู่อำนาจเมื่อใดก็ได้  ซึ่งคำสั่งที่ออกมาจะเป็นเรื่องโอนอำนาจตามพระราชบัญญัติ 40 ฉบับเพื่อความรวดเร็วและบูรณาการ

นายวิษณุ กล่าวว่า คำสั่งที่ 2 เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้รักษาสถานการณ์ โดยนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ทั่วประเทศ และตั้งรองนายกรัฐมนตรีทุกคน เป็นผู้ช่วยในการอำนวยการรักษาสถานการณ์ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ทั่วประเทศ ขณะที่ผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านต่าง ๆ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านสาธารณสุขทั่วราชอาณาจักร ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านการปกครองเกี่ยวกับผู้ว่าราชการจังหวัดและกรุงเทพฯ


ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้ารับผิดชอบเกี่ยวกับผู้ควบคุมสินค้าไม่ให้ขาดแคลนขาดตลาดขึ้นราคา ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารออนไลน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน นอกจากนั้นมีหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับด้านการประสานงาน โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ

รองนายกรัฐมมนตรี กล่าวว่า คำสั่งฉบับที่ 3 ที่จะออกมาตราการเกี่ยวกับการตั้งศูนย์หรือหน่วยบริหาร เรียกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  ยกระดับขึ้นมาเป็น ศอฉ. ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจสั่งการผ่านศูนย์โดยไม่ต้องเรียกคณะกรรมการก็ได้ หรือมีการประชุมมีมติโดยไม่ต้องเรียกประชุมเต็มคณะ อย่างไรก็ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้นายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดต่าง ๆ ได้ซึ่งจะกระทบต่อวิถีชีวิตและทำให้สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีข้อย่อยประมาณ 15 ถึง 17 ข้อ โดยจะลงในราชกิจจานุเบกษาและเผยแพร่ต่อไป โดยจะกำหนดพฤติกรรมต่าง ๆ เอาไว้อยู่ 3 ประเภท คือประเภทห้ามทำ ประเภทให้ทำ และประเภทควรทำ

นายวิษณุ กล่าวว่า มาตรการที่เกี่ยวกับการห้ามทำคือ ห้ามประชาชนเข้าพื้นที่เขตกำหนด เหมือนคำสั่งของผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ปิดสถานที่ต่าง ๆ สนามกีฬา สถานบริการ สถานบันเทิง ก็ยกมาซ้ำในข้อกำหนดนี้อีก จังหวัดใดยังไม่สั่งห้ามก็ให้ทำในลักษณะเดียวกัน เพื่อป้องกัน การแพร่ระบาด  ส่วนสถานที่บางอย่างที่ยังไม่ได้ห้ามไว้ก่อน ให้พิจารณาตามความเหมาะสม เช่นแหล่งท่องเที่ยวสาธารณะตามธรรมชาติ อย่างชายหาดบางแสน ชายหาดพัทยา ชายหาดหัวหินชายหาดสัตหีบ ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสม 

ห้ามบุคคลทั้งหลายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ว่าจะมาทางบก ทางเรือหรือท่าอากาศ ยกเว้น 1.คนไทยที่ตกค้างอยู่ต่างประเทศซึ่งมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร แต่ต้องมีเอกสารสำคัญคือใบรับรองทางการแพทย์ว่ามีสภาพที่สามารถบินได้หรือไม่ หรือใบรับรองอื่น ๆ ก็ให้ติดต่อสถานทูต  2.บุคคลที่เป็นคณะทูตซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วออกไปและต้องการกลับเข้ามาในประเทศ ก็สามารถแจ้งกระทรวงการต่างประเทศของไทยและมีใบรับรองเช่นเดียวกันจึงจะกลับเข้ามาได้ 3.ผู้ขนส่งสินค้าที่เข้ามาและกลับออกไปโดยเร็ว 4. กรณีผู้ที่มากับยานพาหนะเช่น นักบิน สจ๊วต แอร์โฮสเตส เข้ามาอยู่ในเวลาจำกัดและต้องรีบกลับออกไป 5. และบุคคลที่ได้รับการยกเว้นโดยคณะรัฐมนตรีหรือหัวหน้าที่รับผิดชอบ 

นอกจากนี้ ห้ามชุมนุม จึงต้องมีการระวังการเว้นระยะห่างเพราะการชุมนุมรวมกันมาก ๆ ห้ามเผยแพร่ข่าวสารปลอม ยืนยันว่าไม่ได้ลิดรอน เสรีภาพ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการรวมกลุ่มและการแพร่ข่าว ที่เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกและเกิดความเสียหายขึ้น

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนการบังคับให้ทำเรื่องต่าง ๆ เป็นการบังคับส่วนราชการเช่นให้กระทรวงทบวงกรม และหน่วยงานของรัฐ เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้ศูนย์ราชการหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมโรงพยาบาลสนามยาเวชภัณฑ์ หาหมอที่เกษียณไปแล้ว มาขึ้นทะเบียนเพื่อระดมสรรพกำลังเตรียมบุคลากร เตรียมยา เตรียมเวชภัณฑ์ เตรียมเตียง โรงพยาบาล จนไปถึงการเช่าโรงแรม หอประชุม ศาลาวัด อาคารเอกชน มาเป็นที่พักรักษาผู้ป่วย ซึ่งหลายที่มีการเตรียมการไว้แล้วรวมถึงโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งใช้ที่จอดรถเตรียมการไว้แล้ว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเภทเรื่องที่ควรทำ 1. ควรที่จะอยู่บ้าน ควรที่จะไม่ออกนอกบ้าน แต่ไม่ได้สั่งห้ามทันที  แต่ควรร่วมมือ คือบุคคล 3 ประเภท ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการแพทย์ระบุว่ามีความเสี่ยงสูงมาก จึงขอให้อยู่ที่บ้าน เว้นแต่จะออกไปทำธุรกิจ ธุรกรรมบางอย่างที่จำเป็น ประกอบด้วย บุคคลที่สูงอายุเกินกว่า 70 ปี  บุคคลอายุเท่าไหร่ก็ตามที่เป็นโรคประจำตัว  และ เด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบลงมา ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงมากเป็นขอให้อยู่กับบ้าน เว้นแต่จะออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ

นายวิษณุ กล่าวว่า อีกเรื่องนึงคือเรื่องการเดินทางไปต่างจังหวัด หรืออยู่ต่างจังหวัดกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ การเดินทางข้ามจังหวัดยังอยู่ในมาตรการควรทำตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 ขณะนี้ไม่ได้ห้ามยังสามารถเดินทางได้ แต่จะมีมาตรการเข้าไปเกี่ยวข้อง จนทำให้การเดินทางยากและลำบาก โดยฝ่ายความมั่นคงจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กองอาสาสมัครไปตั้งจุดสกัดหรือด่าน โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างจังหวัด และตรวจสอบยานพาหนะว่ายืนหรือนั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตรหรือไม่,ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าหรือไม่ ,มีการตรวจวัดอุณหภูมิ      เจลล้างมือทำความสะอาด ,ตรวจดูว่ามีการดื่มสุราบนยานพาหนะหรือไม่ ซึ่งอาจจะดำเนินคดีได้ 

หรือบางกรณีมีมาตรการข้อกำหนดอนุญาตให้ทำได้ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังจะร่วมกับกระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติหาทางปิด Application ติดตามตัวแก่ผู้โดยสารทั้งหลาย ที่สำคัญต้องเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้กรอกแบบฟอร์ม เพื่อตรวจสอบติดตามหากมีการแพร่ระบาดไวรัส และอาจจัดการคนที่เกี่ยวข้องซึ่งรัฐจำเป็นต้องมีข้อมูลโดยหลักคือสามารถเดินทางได้แต่จะไปโดยยากลำบาก 

ข้อกำหนดฉบับที่ 2 และ 3 เตรียมจะออกแต่ยังไม่ออกจะมีความเข้มข้นขึ้น อาจออกเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ 

นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ปิดประเทศ ให้คนไทยกลับเข้ามาได้ แต่ปิดสำหรับชาวต่างประเทศ ไม่สั่งให้ปิดบ้านสามารถเดินทางได้ออกนอกบ้านได้ไม่จำกัดเวลายังไม่ประกาศเคอร์ฟิว  แต่มีข้อแนะนำสำหรับทุกคนสามประเภทที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรค  โรงงาน ธนาคาร เปิดตาม ปกติ ห้างสรรพสินค้าเปิดเฉพาะที่ กทม. แถลง ห้ามกักตุนสินค้า ประชาชนสามารถสั่งสินค้าผ่านเดลิเวอรี่ ออนไลน์ ยังไม่มีคำสั่งห้ามออกจากบ้าน  สื่อมวลชนสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ ไม่ปิดสถานี แต่จะเข้มงวดกับสื่อที่นำเสนอข่าวบิดเบือนเกี่ยวกับโควิด-19 

นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลให้มีการประกาศเคอร์ฟิว จะมีการพิจารณารายวันทุกวัน และประเมินจากข้อมูลสถานการณ์ คนเจ็บ คนตาย และความน่ากังวลของการแพร่ระบาด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประเมิน สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการกักตุนอาหารในเวลานี้ว่า การกักตุนอาหารไม่มีนิยาม แต่จะปรากฎตามข้อเท็จจริง จะพยายามตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่ถึงขั้นต้องดำเนินคดีกับผู้กักตุนอาหารหรือไม่นั้น ก็ต้องดูอีกครั้ง แต่ยังไม่ถึงขั้นการประกาศจำกัดโควต้าในการซื้อสินค้า ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนการขนส่งสาธารณะนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีการห้ามการเดินทาง เพียงแต่จะเข้มงวดในการจัดระเบียบเรื่องการจัดที่นั่งเว้นที่นั่งของรถสาธารณะทุกชนิด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกำลังหารือกับนายกรัฐมนตรี ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ก็กำลังหารือกับนายกรัฐมนตรีเรื่องช่วยฝ่ายความมั่นคงตั้งจุดสกัดคัดกรองระหว่างจังหวัดเช่นเดียวกัน วันนี้ขออย่าถามว่าถึงระดับ 3 หรือไม่ ให้แพทย์เป็นผู้ชี้แจง เพราะมาตรการขณะนี้ไปถึงระดับ 10 แล้ว

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดในการทำงานเช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ปริมณฑลอย่าง นนทบุรี สมุทรปราการ แล้วต้องเดินทางมา กทม.ว่า ยังสามารถเดินทางมาได้ เพียงแต่ต้องผ่านจุดสกัด ทั้งนี้ หากเดินทางไปกลับบ่อยมาก ก็อาจจะมีใบอนุญาตออกให้ เพียงแต่ต้องมีการวัดอุณหภูมิทุกครั้งเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในข้อกำหนด ได้ย้ำมาตรการป้องกันโรคสำหรับทุกคนที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 5 ข้อ คือ สถานที่ต้องทำความสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย ไม่แออัดยัดเยียด มีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ทุกคนต้องสวมหน้ากาก หมั่นใช้สบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 

ส่วนผู้ที่ไม่ได้เข้าข่าย 3 กลุ่ม และไม่มีบ้านพักอาศัยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ขอให้แจ้งให้รัฐบาลทราบ ผ่านทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือศูนย์โควิด-19 ทำเนียบรัฐบาลได้ ซึ่งสถานที่ที่รัฐเตรียมเอาไว้ ก็เพื่อรองรับผู้ที่ต้องกักตัวเอง ผู้ที่ต้องกักกัน และผู้ที่ติดโรคแต่สถาบันบำราศนราดูรรับไม่ได้

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด ประกอบกับมีสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ มีพิธีการซึ่งรัฐบาลได้นำความกราบบังคมทูลว่า งานใดที่เป็นราชพิธีซึ่งมีหมายของพระราชวัง ยังจัดได้ภายใต้มาตรการป้องกันโรค 5 ประการ เช่น วันจักรี วันสงกรานต์ วันฉัตรมงคล จัดผู้คนให้เหลือน้อย จัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด และงานที่ทางรัฐบาลเคยจัด อย่าง งานสโมสรสันนิบาตนั้น รัฐบาลได้ขอพระราชทานเลื่อนหรืองด  รวมถึงงานพระราชทานปริญญาบัตรช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน รัฐบาลก็ได้ขอพระราชทานเลื่อนหรืองด ซึ่งก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นไปตามนั้น

ส่วนที่มีแพทย์เตือนว่า หากภายใน 30 วันยังไม่มีการปิดเมือง จะทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 3 แสนคนนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า มีการประเมินสถานการณ์รายวันอยู่แล้ว ไม่ได้อยากจะบอกว่ารัฐรับความเสี่ยงได้ ซึ่งรัฐประเมินอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ทั้งหมดรัฐฟังภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น รัฐไม่สามารถหยั่งรู้เองได้อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เครื่องบิน “ทักษิณ” ออกนอกเส้นทางไปไหน ?

4 ก.ย. – ไปไหน? เครื่องบินส่วนตัว “ทักษิณ” เลี้ยวออกนอกเส้นทาง หลังบินออกจากดอนเมือง ระบุปลายทางสิงคโปร์ พบบินวนอยู่ 2 รอบ ก่อนไปต่อ จับตามุ่งหน้า “ดูไบ” ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” บินสิงคโปร์แล้ว ทนายยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น14

4 ก.ย.- “ทักษิณ” นั่งเจ็ทส่วนตัวบินสิงคโปร์แล้ว ตม.ไม่มีอำนาจกักตัว หลังศาลยกฟ้องคดี ม.112 ขณะที่ “ทนายวิญญัติ” ยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น 14 แน่นอน ช่วงเย็นวันนี้มีกระเเสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ขอเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่จอดไว้กับลานบินเอกชนย่านดอนเมือง เเละทราบว่าขอเดินทางไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายทักษิณมีบ้านพักส่วนตัวที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอีกกระเเสเเจ้งว่านายทักษิณขอเดินทางไปพบเเพทย์ที่สิงคโปร์ 2 วัน เเละจะกลับมาขึ้นศาล โดย ตม.ตรวจสอบหนังสือเดินทางเเละสอบถามเหตุผลในการเดินทางของนายทักษิณในตอนนี้เเล้วเเละอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางได้ กระเเสข่าวนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางการเตรียมลงมติของสส.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 วันที่ 5 กันยายน 2568 เเละวันที่ 9 กันยายน นายทักษิณต้องไปฟังคำตัดสินคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนคดีอาญานักการเมืองนัดให้นายทักษิณ ไปฟังคำวินิจฉัยในคดีนี้กับผู้บังคับการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังก่อนหน้านี้ศาลอาญา ตัดสินยกฟ้องนายทักษิณในคดี ม.112 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เเละอยู่ระหว่างที่อัยการกำลังพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ หลังจากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี […]

“อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกไหว้พ่อแม่ก่อนโหวตนายกฯ

รัฐสภา 4 ก.ย.- “อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกยังไม่มี เผยตั้งใจไหว้พ่อ-แม่ เป็นสิริมงคลก่อนโหวตนายกฯ คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางกลับเข้ามาที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง ช่วงเย็นวันนี้ (4 ก.ย.) โดยผู้สื่อข่าวพยามสอบถามถึงโผ “ครม.อนุทิน 1” ว่า มีการจัดเตรียมให้ใครนั่งตำแหน่งใดและนายอนุทิน จะควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ร้องหูย ก่อนจะบอกว่ายังไม่มี ข่าวก็ลงไปเรื่อย ยังไม่ได้จัดอะไร ขนาดหัวหน้ายังไม่ได้เลย ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พรุ่งนี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก่อนจะเข้าอาคารรัฐสภา จะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไหว้พ่อไหว้แม่นี่แหละ เป็นสิริมงคลที่สุดแล้ว -สำนักข่าวไทย

“เท้ง” เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย มั่นใจ สส.ปชน.ไม่แตกแถว ย้ำไม่มีฟรีโหวต

รัฐสภา 4 ก.ย.- “เท้ง” ลั่นไม่เสียดาย-ไม่ทบทวนมติโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย ซัดไม่จริงใจ-ปล่อยข่าวชิงการเมือง มั่นใจ สส.พรรคประชาชน ไม่แตกแถว-ไม่มีฟรีโหวต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวความเห็นต่างภายในพรรคฯ ต่อการลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) ว่า ไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันภายในพรรค และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนถึงตลอดทั้งวัน ก็มีความชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ยุติกระบวนการยุบสภา และเดินหน้าเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า กระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาชน สิ้นสุดลงตั้งแต่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ แถลงข่าว และลงนามร่วมกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ส่วนข้อเสนอไพ่ใบสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะยุบสภาทันทีหากนายชัยเกษม ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ถ้ามีการเสนอมาก่อนหน้านี้ และมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ก่อนพรรคฯ จะมีมติ ตนเชื่อว่า ตน และสส.ภายในพรรค จะรับไว้พิจารณา แต่กระบวนการที่ผ่านมา ยังคงมีการให้ข่าวกลับไป กลับมา […]