ทำเนียบฯ 25 มี.ค.- “วิษณุ” แจงข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยันไม่ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนสามารถเดินทางได้ แต่ถ้าไปต่างจังหวัดต้องผ่านการตรวจเข้มข้น ห้ามผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป บุคคลที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี งดออกจากบ้านพัก ห้ามการชุมนุม เตือนสื่อหากเสนอข่าวโควิด-19 บิดเบือน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด จะมีโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังนายกรัฐมนตรีประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาเป็นการประกาศในกรณีความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ แต่ครั้งนี้นำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงเป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำได้ นิยามของคำว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในกฎหมายนั้น รวมไปถึงภัยสาธารณะคือโรคภัยไข้เจ็บ
ตามกฎหมายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต้องทำโดยมติคณะรัฐมนตรีและให้อำนาจนายกรัฐมนตรีลงนามเป็นผู้ประกาศและเผยแพร่ในวันนี้แต่จะมีผลจริงในวันที่ 26 มีนาคม นั่นหมายความว่าหลังเที่ยงคืน วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งประกาศได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่สามารถขยายเวลาต่ออายุได้อีก ซึ่งขณะนี้ประกาศตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 แล้วจึงประเมินสถานการณ์พิจารณาต่ออายุเป็นครั้งคราวไป คราวละไม่เกิน 3 เดือน
นายวิษณุ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาเมื่อวานนี้ แต่การบังคับใช้ให้มีผลวันที่ 26 มีนาคม เพราะรัฐบาลต้อง ให้เจ้าหน้าที่เตรียมตัวรับรู้และเตรียมการปฏิบัติ รวมถึงตัวประชาชนเองที่จะต้องเตรียมตัวจึงต้องเตือนประกาศให้รู้และเมื่อถึงเวลาก็จะบังคับใช้จริง แล้วก็ถือเป็นการเตือนให้รู้มากกว่า 24 ชั่วโมงล่วงหน้า และจะบังคับใช้จริงจังตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ฉุกเฉินกฎหมายกำหนดเบื้องต้นไว้ว่าสามารถโอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย มาเป็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอกระทรวงต่าง ๆ และจะมีการออกคำสั่งให้โอนอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ตามพระราชบัญญัติ 40 ฉบับในเบื้องต้นมาเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีแต่ละคนก็ยังดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงเหมือนเดิม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้รวมถึงเจ้าหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติตามคำสั่งเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายกรัฐมนตรีจะเข้าไปสู่อำนาจเมื่อใดก็ได้ ซึ่งคำสั่งที่ออกมาจะเป็นเรื่องโอนอำนาจตามพระราชบัญญัติ 40 ฉบับเพื่อความรวดเร็วและบูรณาการ
นายวิษณุ กล่าวว่า คำสั่งที่ 2 เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้รักษาสถานการณ์ โดยนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ทั่วประเทศ และตั้งรองนายกรัฐมนตรีทุกคน เป็นผู้ช่วยในการอำนวยการรักษาสถานการณ์ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ทั่วประเทศ ขณะที่ผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านต่าง ๆ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านสาธารณสุขทั่วราชอาณาจักร ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านการปกครองเกี่ยวกับผู้ว่าราชการจังหวัดและกรุงเทพฯ
ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้ารับผิดชอบเกี่ยวกับผู้ควบคุมสินค้าไม่ให้ขาดแคลนขาดตลาดขึ้นราคา ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารออนไลน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน นอกจากนั้นมีหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับด้านการประสานงาน โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ
รองนายกรัฐมมนตรี กล่าวว่า คำสั่งฉบับที่ 3 ที่จะออกมาตราการเกี่ยวกับการตั้งศูนย์หรือหน่วยบริหาร เรียกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ยกระดับขึ้นมาเป็น ศอฉ. ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจสั่งการผ่านศูนย์โดยไม่ต้องเรียกคณะกรรมการก็ได้ หรือมีการประชุมมีมติโดยไม่ต้องเรียกประชุมเต็มคณะ อย่างไรก็ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้นายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดต่าง ๆ ได้ซึ่งจะกระทบต่อวิถีชีวิตและทำให้สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีข้อย่อยประมาณ 15 ถึง 17 ข้อ โดยจะลงในราชกิจจานุเบกษาและเผยแพร่ต่อไป โดยจะกำหนดพฤติกรรมต่าง ๆ เอาไว้อยู่ 3 ประเภท คือประเภทห้ามทำ ประเภทให้ทำ และประเภทควรทำ
นายวิษณุ กล่าวว่า มาตรการที่เกี่ยวกับการห้ามทำคือ ห้ามประชาชนเข้าพื้นที่เขตกำหนด เหมือนคำสั่งของผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ปิดสถานที่ต่าง ๆ สนามกีฬา สถานบริการ สถานบันเทิง ก็ยกมาซ้ำในข้อกำหนดนี้อีก จังหวัดใดยังไม่สั่งห้ามก็ให้ทำในลักษณะเดียวกัน เพื่อป้องกัน การแพร่ระบาด ส่วนสถานที่บางอย่างที่ยังไม่ได้ห้ามไว้ก่อน ให้พิจารณาตามความเหมาะสม เช่นแหล่งท่องเที่ยวสาธารณะตามธรรมชาติ อย่างชายหาดบางแสน ชายหาดพัทยา ชายหาดหัวหินชายหาดสัตหีบ ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสม
ห้ามบุคคลทั้งหลายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ว่าจะมาทางบก ทางเรือหรือท่าอากาศ ยกเว้น 1.คนไทยที่ตกค้างอยู่ต่างประเทศซึ่งมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร แต่ต้องมีเอกสารสำคัญคือใบรับรองทางการแพทย์ว่ามีสภาพที่สามารถบินได้หรือไม่ หรือใบรับรองอื่น ๆ ก็ให้ติดต่อสถานทูต 2.บุคคลที่เป็นคณะทูตซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วออกไปและต้องการกลับเข้ามาในประเทศ ก็สามารถแจ้งกระทรวงการต่างประเทศของไทยและมีใบรับรองเช่นเดียวกันจึงจะกลับเข้ามาได้ 3.ผู้ขนส่งสินค้าที่เข้ามาและกลับออกไปโดยเร็ว 4. กรณีผู้ที่มากับยานพาหนะเช่น นักบิน สจ๊วต แอร์โฮสเตส เข้ามาอยู่ในเวลาจำกัดและต้องรีบกลับออกไป 5. และบุคคลที่ได้รับการยกเว้นโดยคณะรัฐมนตรีหรือหัวหน้าที่รับผิดชอบ
นอกจากนี้ ห้ามชุมนุม จึงต้องมีการระวังการเว้นระยะห่างเพราะการชุมนุมรวมกันมาก ๆ ห้ามเผยแพร่ข่าวสารปลอม ยืนยันว่าไม่ได้ลิดรอน เสรีภาพ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการรวมกลุ่มและการแพร่ข่าว ที่เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกและเกิดความเสียหายขึ้น
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนการบังคับให้ทำเรื่องต่าง ๆ เป็นการบังคับส่วนราชการเช่นให้กระทรวงทบวงกรม และหน่วยงานของรัฐ เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้ศูนย์ราชการหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมโรงพยาบาลสนามยาเวชภัณฑ์ หาหมอที่เกษียณไปแล้ว มาขึ้นทะเบียนเพื่อระดมสรรพกำลังเตรียมบุคลากร เตรียมยา เตรียมเวชภัณฑ์ เตรียมเตียง โรงพยาบาล จนไปถึงการเช่าโรงแรม หอประชุม ศาลาวัด อาคารเอกชน มาเป็นที่พักรักษาผู้ป่วย ซึ่งหลายที่มีการเตรียมการไว้แล้วรวมถึงโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งใช้ที่จอดรถเตรียมการไว้แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเภทเรื่องที่ควรทำ 1. ควรที่จะอยู่บ้าน ควรที่จะไม่ออกนอกบ้าน แต่ไม่ได้สั่งห้ามทันที แต่ควรร่วมมือ คือบุคคล 3 ประเภท ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการแพทย์ระบุว่ามีความเสี่ยงสูงมาก จึงขอให้อยู่ที่บ้าน เว้นแต่จะออกไปทำธุรกิจ ธุรกรรมบางอย่างที่จำเป็น ประกอบด้วย บุคคลที่สูงอายุเกินกว่า 70 ปี บุคคลอายุเท่าไหร่ก็ตามที่เป็นโรคประจำตัว และ เด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบลงมา ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงมากเป็นขอให้อยู่กับบ้าน เว้นแต่จะออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ
นายวิษณุ กล่าวว่า อีกเรื่องนึงคือเรื่องการเดินทางไปต่างจังหวัด หรืออยู่ต่างจังหวัดกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ การเดินทางข้ามจังหวัดยังอยู่ในมาตรการควรทำตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 ขณะนี้ไม่ได้ห้ามยังสามารถเดินทางได้ แต่จะมีมาตรการเข้าไปเกี่ยวข้อง จนทำให้การเดินทางยากและลำบาก โดยฝ่ายความมั่นคงจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กองอาสาสมัครไปตั้งจุดสกัดหรือด่าน โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างจังหวัด และตรวจสอบยานพาหนะว่ายืนหรือนั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตรหรือไม่,ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าหรือไม่ ,มีการตรวจวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือทำความสะอาด ,ตรวจดูว่ามีการดื่มสุราบนยานพาหนะหรือไม่ ซึ่งอาจจะดำเนินคดีได้
หรือบางกรณีมีมาตรการข้อกำหนดอนุญาตให้ทำได้ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังจะร่วมกับกระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติหาทางปิด Application ติดตามตัวแก่ผู้โดยสารทั้งหลาย ที่สำคัญต้องเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้กรอกแบบฟอร์ม เพื่อตรวจสอบติดตามหากมีการแพร่ระบาดไวรัส และอาจจัดการคนที่เกี่ยวข้องซึ่งรัฐจำเป็นต้องมีข้อมูลโดยหลักคือสามารถเดินทางได้แต่จะไปโดยยากลำบาก
ข้อกำหนดฉบับที่ 2 และ 3 เตรียมจะออกแต่ยังไม่ออกจะมีความเข้มข้นขึ้น อาจออกเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ปิดประเทศ ให้คนไทยกลับเข้ามาได้ แต่ปิดสำหรับชาวต่างประเทศ ไม่สั่งให้ปิดบ้านสามารถเดินทางได้ออกนอกบ้านได้ไม่จำกัดเวลายังไม่ประกาศเคอร์ฟิว แต่มีข้อแนะนำสำหรับทุกคนสามประเภทที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรค โรงงาน ธนาคาร เปิดตาม ปกติ ห้างสรรพสินค้าเปิดเฉพาะที่ กทม. แถลง ห้ามกักตุนสินค้า ประชาชนสามารถสั่งสินค้าผ่านเดลิเวอรี่ ออนไลน์ ยังไม่มีคำสั่งห้ามออกจากบ้าน สื่อมวลชนสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ ไม่ปิดสถานี แต่จะเข้มงวดกับสื่อที่นำเสนอข่าวบิดเบือนเกี่ยวกับโควิด-19
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลให้มีการประกาศเคอร์ฟิว จะมีการพิจารณารายวันทุกวัน และประเมินจากข้อมูลสถานการณ์ คนเจ็บ คนตาย และความน่ากังวลของการแพร่ระบาด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประเมิน สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการกักตุนอาหารในเวลานี้ว่า การกักตุนอาหารไม่มีนิยาม แต่จะปรากฎตามข้อเท็จจริง จะพยายามตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่ถึงขั้นต้องดำเนินคดีกับผู้กักตุนอาหารหรือไม่นั้น ก็ต้องดูอีกครั้ง แต่ยังไม่ถึงขั้นการประกาศจำกัดโควต้าในการซื้อสินค้า ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนการขนส่งสาธารณะนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีการห้ามการเดินทาง เพียงแต่จะเข้มงวดในการจัดระเบียบเรื่องการจัดที่นั่งเว้นที่นั่งของรถสาธารณะทุกชนิด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกำลังหารือกับนายกรัฐมนตรี ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ก็กำลังหารือกับนายกรัฐมนตรีเรื่องช่วยฝ่ายความมั่นคงตั้งจุดสกัดคัดกรองระหว่างจังหวัดเช่นเดียวกัน วันนี้ขออย่าถามว่าถึงระดับ 3 หรือไม่ ให้แพทย์เป็นผู้ชี้แจง เพราะมาตรการขณะนี้ไปถึงระดับ 10 แล้ว
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดในการทำงานเช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ปริมณฑลอย่าง นนทบุรี สมุทรปราการ แล้วต้องเดินทางมา กทม.ว่า ยังสามารถเดินทางมาได้ เพียงแต่ต้องผ่านจุดสกัด ทั้งนี้ หากเดินทางไปกลับบ่อยมาก ก็อาจจะมีใบอนุญาตออกให้ เพียงแต่ต้องมีการวัดอุณหภูมิทุกครั้งเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในข้อกำหนด ได้ย้ำมาตรการป้องกันโรคสำหรับทุกคนที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 5 ข้อ คือ สถานที่ต้องทำความสะอาด ปราศจากขยะมูลฝอย ไม่แออัดยัดเยียด มีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ทุกคนต้องสวมหน้ากาก หมั่นใช้สบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
ส่วนผู้ที่ไม่ได้เข้าข่าย 3 กลุ่ม และไม่มีบ้านพักอาศัยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ขอให้แจ้งให้รัฐบาลทราบ ผ่านทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือศูนย์โควิด-19 ทำเนียบรัฐบาลได้ ซึ่งสถานที่ที่รัฐเตรียมเอาไว้ ก็เพื่อรองรับผู้ที่ต้องกักตัวเอง ผู้ที่ต้องกักกัน และผู้ที่ติดโรคแต่สถาบันบำราศนราดูรรับไม่ได้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด ประกอบกับมีสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ มีพิธีการซึ่งรัฐบาลได้นำความกราบบังคมทูลว่า งานใดที่เป็นราชพิธีซึ่งมีหมายของพระราชวัง ยังจัดได้ภายใต้มาตรการป้องกันโรค 5 ประการ เช่น วันจักรี วันสงกรานต์ วันฉัตรมงคล จัดผู้คนให้เหลือน้อย จัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด และงานที่ทางรัฐบาลเคยจัด อย่าง งานสโมสรสันนิบาตนั้น รัฐบาลได้ขอพระราชทานเลื่อนหรืองด รวมถึงงานพระราชทานปริญญาบัตรช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน รัฐบาลก็ได้ขอพระราชทานเลื่อนหรืองด ซึ่งก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นไปตามนั้น
ส่วนที่มีแพทย์เตือนว่า หากภายใน 30 วันยังไม่มีการปิดเมือง จะทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 3 แสนคนนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า มีการประเมินสถานการณ์รายวันอยู่แล้ว ไม่ได้อยากจะบอกว่ารัฐรับความเสี่ยงได้ ซึ่งรัฐประเมินอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ทั้งหมดรัฐฟังภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น รัฐไม่สามารถหยั่งรู้เองได้อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย