พม.23 มี.ค.-พม.มอบสิทธิพิเศษ 3 ฟรีให้ผู้ใช้บริการโรงรับจำนำในสังกัด โดยขยายเวลาตั๋วรับจำนำโดยไม่คิดดอกเบี้ย ที่ สธค.ทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19
นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานแถลงข่าวโครงการ “สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด–19” โดยนายปรเมธี กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างต่อเนื่องต่อภาคธุรกิจและภาคประชาชนอย่างมาก และจากข้อมูลสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่าจีดีพีของไทยจะขยายตัวลดลงทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนขยายตัวเพิ่มขึ้น กระทรวงฯ โดยสถานธนานุเคราะห์ ในฐานะโรงรับจำนำของรัฐ ตระหนักถึงผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากปัญหาดังกล่าวที่มีต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อย และผู้ประสบปัญหาทางการเงินเฉพาะหน้า จึงได้จัดทำโครงการ “สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด-19” เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระด้านการเงินให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตผ่านพ้นภาวะวิกฤตดังกล่าวไปได้ ด้วยมาตรการสู้ภัยโควิด-19
โดยมอบสิทธิพิเศษ 3 ฟรี ให้แก่ผู้ใช้บริการของ สธค. ประกอบด้วย ฟรีที่ 1 ขยายเวลาตั๋วรับจำนำเพิ่มอีก 90 วัน ให้กับผู้มาใช้บริการวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ที่มีตั๋วรับจำนำตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยจะขยายเวลาตั๋วรับจำนำจากเดิม 4 เดือน 30 วัน เป็น 4 เดือน 120 วัน โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงที่ขยายเวลา ทั้งนี้ ต้องมาลงทะเบียนที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และจำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์
ฟรีที่ 2 รับของที่ระลึกครบรอบ 65 ปี สธค.เพื่อแสดง ความขอบคุณและตอบแทนสำหรับผู้มาใช้บริการในวันพุธที่ 29 เมษายน 2563 ที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่ง และ ฟรีที่ 3 กิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน เรื่องทองคำและการบริหารเงิน ในเดือนพฤษภาคม 2563 ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.pawn.co.th
“สำนักงานธนานุเคราะห์ โรงรับจำนำของรัฐ เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ(พส.) กระทรวง พม. เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ด้วยบริการทันสมัยสะดวก รวดเร็ว เทียบเท่าสถาบันการเงินเอกชน มีหน่วยงานสาขาให้บริการในชื่อสถานธนานุเคราะห์ หรือสธค.ทั้งสิ้น 39 สาขาทั่วประเทศ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ29 สาขา และเขตปริมณฑล 4 สาขา ได้แก่ นนทบุรี (2 แห่ง) ปทุมธานี และสมุทรปราการ รวมทั้งส่วนภูมิภาคอีก 6 แห่ง ได้แก่ จังหวัดระยอง (2แห่ง) ลำพูน สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และพิษณุโลก” นายปรเมธี กล่าว .-สำนักข่าวไทย