เพชรบุรี 13 มี.ค.- ยังมีความเห็นต่างในกรณีชุดพญาเสือเข้าจับกุมดำเนินคดีชาวกะเหรี่ยงป่าแก่งกระจาน กล่าวหาว่ามีส่วนบุกรุก และเผาป่าแก่งกระจาน เพื่อขยายพื้นที่ทำกิน โดยต่างฝ่ายยืนยันความถูกต้อง
ไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทำให้ทีมพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงตรวจสอบหาสาเหตุ พบว่ามีการบุกรุกตัดไม้ และทำเป็นไร่หมุนเวียนของชาวบ้านที่อ้างสิทธิในพื้นที่ทำกิน
นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ บอกว่า กลุ่มชาติพันธุ์ หรือชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน กลุ่มนี้อยู่บริเวณบ้านห้วยกระซู่ มีหลักฐานชัดเจนว่าอาศัยและทำกินในป่าแก่งกระจานมาเป็นร้อยปีแล้ว มีวิถีชีวิตวัฒนธรรมดั่งเดิม ยังคงทำไร่หมุนเวียน เมื่อภาครัฐต้องการจัดระเบียบตรวจสอบความถูกต้องในสิทธิทำกิน ก็ให้ความร่วมมือทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่โดยตลอด ในชื่อห้วยกระซู่โมเดล โดยตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ 2562 ระบุชัดเจนว่าชาวบ้านมีสิทธิยื่นหลักฐานยืนยันสิทธิในที่ทำกินภายใน 240 วัน ซึ่งยังไม่เกิดกำหนด แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินคดี ยืนยันว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้างว่าบุกรุกนั้นจึงไม่เป็นความจริง
ด้านนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย บอกว่า ข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ผืนป่าแก่งกระจานถูกบุกรุกอย่างมาก มีการเปิดพื้นที่ใหม่เพื่อทำกินโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่พื้นที่เดิมที่สามารถทำกินได้ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดี เพราะเป็นการบุกรุกพื้นที่ใหม่ ซึ่งบริเวณป่าบ้านห้วยกระซู่ ป่าบ้านห้วยสาริกา และป่าบ้านคะเมยบน ล้วนอยู่ในเขตลุ่มน้ำชั้น 1-2 ซึ่งมีความสำคัญมากต่อความสมบูรณ์ของผืนป่า ผู้บุกรุกย่อมมีความผิดตามกฎหมาย
ล่าสุด ทีมพญาเสือสำรวจผืนป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นวันที่ 3 พบพื้นที่ถูกบุกรุกรวมกว่า 500 ไร่ โดยยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการบุกรุกนี้มีผู้อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการเข้ามาครอบครอง หรือได้สิทธิทำกินในพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่.-สำนักข่าวไทย