กรุงเทพฯ 12 มี.ค.-อธิบดีกรมการค้าภายใน เข้าแจ้งความเอาผิดโฆษกกรมศุลกากร ย้ำไม่ได้โกรธแต่มาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของหน่วยงาน ยืนยันไม่ได้เป็นความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐแต่อย่างใด
จากกรณีที่นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร แถลงข่าวประจำสัปดาห์ พร้อมกับชี้แจงและตอบคำถามกับสื่อมวลชนว่า กรมการค้าภายในได้อนุญาตให้บริษัทเอกชนส่งออกหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนถึง 330 ตัน ซึ่งภายหลังทางกรมศุลกากรก็ได้ออกมาชี้แจงว่าข้อมูลตัวเลขมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง
วันนี้(12 มี.ค.)นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ไม่นิ่งนอนใจกับกรณีที่เกิดขึ้น ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อดำเนินคดีกับนายชัยยุทธ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพราะทำให้กรมการค้าภายในเสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมเปิดเผยว่า การออกมาแถลงข่าวของโฆษกกรมศุลกากร เป็นการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับความจริงหลายประการ เช่น การพิจารณาอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยจะระบุเป็นชิ้น ไม่ใช่ระบุเป็นน้ำหนัก อีกทั้งตัวเลขการส่งออกดังกล่าวเป็นตัวเลขจากพิกัดศุลกากร ซึ่งรวมสินค้าชนิดอื่นนอกจากหน้ากากอนามัยอยู่ด้วย ในระหว่างเดือนมกราคมถึง 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะมีประกาศควบคุมหน้ากากอยามัย
ส่วนการแถลงข่าว ของโฆษกกรมศุลกากร ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่กรมการค้าภายใน ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจผิด จึงมาแจ้งความดำเนินคดี เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของหน่วยงาน โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างโฆษกกับกรมการค้าภายใน ไม่ได้ป็นความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันแต่อย่างใด
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายในยังเปิดเผยว่า หลังจากมีการประกาศให้ควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัย มีบริษัทเอกชนหลายแห่ง ทำเรื่องขอส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งหมด 53 ล้านอัน แต่อนุญาตเพียงแค่ 12 ล้านอันเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ส่งออกกว่า 41 ล้านอัน โดยในส่วนที่ไม่อนุญาต เป็นหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้ใช้ในประเทศ กับหน้ากากที่มีลิขสิทธิ์การค้า ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีข่าวดีเรื่องการผลิตหน้ากากอนามัย เพราะได้มีการประสานกับโรงงานผลิตให้เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อให้เพียงพอใช้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ .-สำนักข่าวไทย