ปปง.12 มี.ค.-ปปง.เตือนหลอกขายหน้ากากอนามัยผิดกฎหมาย อาจเข้าข่ายฟอกเงิน โทษหนักจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับ 200,000 บาท
พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า จากที่คณะ กรรมการธุรกรรมในคราวประชุมครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63 มีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายวัชรวิทย์ สุภาษิต ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3(3) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยเปิดเพจเฟซบุ๊กหลอกขายหน้ากากอนามัยในราคาถูก ต่อมามีผู้เสียหายเข้าไปสั่งซื้อและโอนเงินชำระค่าสินค้าหน้ากากอนามัยแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้าและไม่สามารถติดต่อนายวัชรวิทย์ได้ เบื้องต้นพบผู้เสียหายประมาณ 200 คน นั้น
ปปง.มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของการกระทำผิด จึงขอแจ้งเตือนว่าการกระทำดังกล่าวที่เข้าข่ายเป็นความผิด “ฐานฉ้อโกงประชาชน” จะถูกดำเนินการ ตามกฎหมายฟอกเงิน
พร้อมย้ำว่าผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ปปง. จะตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์และยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและจะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินอย่างเด็ดขาด ซึ่งความผิดฐานฟอกเงินนั้น มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1ปีถึง10ปีหรือปรับ ตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินแล้ว ตัวผู้กระทำความผิดเอง ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือเป็นนอมินี ที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้กระทำความผิดทุกคนยังอาจต้องถูกลงโทษ ในความผิดฐานฟอกเงินด้วย
ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยใดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือสงสัยว่าอาจจะโดนหลอกลวงให้โอนเงิน หรือพบเห็นผู้ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับ การกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ปปง. ได้ที่สายด่วน ปปง.1710.-สำนักข่าวไทย