กทม. 10 มี.ค. – นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดสามารถควบคุมได้ ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ ยอมรับกังวลสถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบที่ตามมาทั้งด้านเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 3 คน ทำให้มีผู้ป่วยรวม 53 คน รักษาหายแล้ว 33 คน ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 19 คน มีผู้เสียชีวิต 1 คน ขณะที่ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมีจำนวนทั้งสิ้น 4,682 คน ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว 2,844 คน ภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ของไทยรั้งอันดับ 32 ของโลก
สำหรับผู้ป่วยใหม่ 3 คน พบว่ารายแรกเป็นเพศหญิงวัย 41 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ แต่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยรายที่ 45 ที่เดินทางกลับมาจากอิตาลี ขณะนี้ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ส่วนอีก 2 คน พบว่าเป็นสามีภรรยากัน โดยภรรยามีประวัติเดินทางมาจากอิตาลี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครปฐม
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป ให้ข้อมูลว่า พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในอิตาลีจนแซงหน้าเกาหลีใต้ไปแล้ว จึงขอให้จับตาสถานการณ์ในยุโรป และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังฝรั่งเศส เยอมนี สเปน สวีเดน และเนเธอร์แลนด์
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาตรวจเยี่ยมสถาบันบำราศนราดูรในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งสถาบันฯ มีห้องแยกความดันลบรวม 15 ห้อง พร้อมกันนี้ยังพูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วยที่อยู่ในห้องแยกโรคความดันลบ 7 คน ผ่านระบบมอนิเตอร์ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นแหล่งทำงานของมดงานนิรนามที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลและควบคุมป้องกันโรค โดยปฏิบัติงานมาตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึง ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลอื่นๆ ทั่วประเทศ แต่ไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมรับฟัง ก่อนให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดสามารถควบคุมได้ ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และยอมรับว่ากังวลกับสถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบที่จะตามมา ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว.-สำนักข่าวไทย