6 มี.ค.-วันนี้จะพาไปดูแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณ กลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมประวัติศาสตร์เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน นั่งเฮลิคอปเตอร์จากนครศรีธรรมราช ใช้เวลา ราว 40 นาที จากชายฝั่งไปแท่นผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล กลุ่มเอราวัณ ระยะทาง 157 กม.
กลุ่มเอราวัณนับเป็นแหล่งปิโตรเลียมประวัติศาสตร์ของชาติไทย ผลิตมานานเกือบ 40 ปีแล้วเป็นแหล่งแรกของประเทศ และเป็นที่มา วลีเด็ด“โชติช่วงชัชวาล“ ของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)ในโอกาสเป็นประธานในการหมุนเปิดวาล์วส่งท่อก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรก ในวันที่ 12 กันยายน 2524 ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการพึ่งพาพลังงานด้วยตัวเองของคนไทย ทำให้เกิดการลงทุนมากมายทั้งการใช้เชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า การตั้งโรงแยกก๊าซฯ การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การเกิดขึ้นของโรงงานต่างๆในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มูลค่าค่าภาคหลวงไม่รวมภาษีต่างๆ เกิดจากเอราวัณถึงแสนล้านบาทเลยทีเดียว
การเดินทางไปดูแท่นดังกล่าวของรัฐมนตรีพลังงานครั้งนี้ จึงใช้แท่นเอราวัณแหล่งประวัติศาสตร์ ประกาศเดินหน้าการเปิดให้เอกชนยื่นสิทธิ์ ประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ รอบที่ 23 หลังจากไทยไม่ได้เปิดมายาวนานถึง 13 ปี โดยเปิด 3 แปลงในอ่าวไทย เดือนเมษายนนี้พร้อมๆ กับประกาศจะเดินหน้าเจรจากับกัมพูชา เพื่อพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมทับซ้อนซึ่งเป็นเรื่องคาราคาซังกันมานานซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศ เพื่อเป็นการเปิดตัว “โชติช่วงชัชวาลระยะที่2” เพื่อให้มีก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง เพื่อเศรษฐกิจระยะยาวของลูกหลาน
ด้านเชฟรอนฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการแหล่งเอราวัณ และเป็นนักลงทุนสัญชาติอเมริกัน รวมทั้งเป็นผู้ที่ถือหุ้นในส่วนพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาฝั่งไทยก็ประกาศ สนับสนุนรัฐบาลให้เดินหน้าเรื่องนี้
“ไพโรจน์ กวียานันท์”ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอน
-สำนักข่าวไทย