สำนักจุฬาฯออกแนวทางปฏิบัติตนในสถานการณ์ “โควิด-19”

สำนักจุฬาราชมนตรี 6 มี.ค.-สำนักจุฬาราชมนตรี ออกแนวทางการปฏิบัติตนในสถานการณ์แพร่ระบาด “โควิด-19” รวม 10 ข้อ เช่น หลีกเลี่ยงการสลามด้วยการสัมผัสมือ-สวมกอด-สัมผัสแก้ม ให้ยกมือสลามกันเท่านั้น, หลีกเลี่ยง-งดจัดกิจกรรมสาธารณกุศล จัดค่ายเยาวชน ประชุมสัมมนา และจัดทำความสะอาดศาสนสถาน (มัดยิด) ฯลฯ


แถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี เรื่อง  แนวทางการปฏิบัติตนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ที่กำลังขยายพื้นที่การแพร่ระบาดไปยังหลายประเทศทั่วโลก จนทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยกระดับการเตือนภัยการระบาดของโรคในระดับสูงมากและกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีความกังวลว่าสถานการณ์ในประเทศไทยอาจเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 นั้น


ในการนี้เพื่อป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)ให้สัมฤทธิ์ผลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากการปฏิบัติตามคำ แนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้ว สำนักจุฬาราชมนตรีใคร่ขอความร่วมมือมุสลิมทุกคนได้ยึดแนวทางการปฏิบัติตนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวด้วยความเคร่งครัด ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือสลามกันเท่านั้น

2. สำหรับศาสนสถาน (มัสยิด) ให้ผู้ดูแลสถานที่ปฏิบัติ ดังนี้


2.1 จัดให้มีการทำความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่มีผู้สัมผัสปริมาณมาก เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู ห้องน้ำ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำผงซักฟอก และแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ อย่างสม่ำเสมอและบ่อยกว่าปกติ

2.2 หมั่นทำความสะอาดมัสยิดหรือสถานที่ละหมาด พรมปูละหมาดในมัสยิด ผ้าปูสำหรับละหมาด ตลอดจนชุดที่เตรียมไว้สำหรับใส่ละหมาด ด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ หรืองดการใช้และเก็บชุดและพรมดังกล่าว 

2.3 จัดหาเจลล้างมือแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยไว้บริเวณภายในมัสยิด เช่น ประตูทางเข้า จุดประชาสัมพันธ์ ห้องสุขา จุดปฐมพยาบาล เป็นต้น

3.หลีกเลี่ยงหรืองดการจัดกิจกรรมสาธารณกุศล การจัดค่ายอบรมเยาวชน การจัดประชุมสัมมนา หรือกิจกรรมอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องจัดกิจกรรม ให้ผู้จัดเตรียมความพร้อมในการคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรมและมีมาตรการในการป้องกันและควบคุมโรคที่เข้มงวด สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งและปฏิบัติตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด

4. ศาสนาอนุญาตให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะละหมาดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และหากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก แม้จะมีอาการไม่มาก ให้งดการไปร่วมละหมาดญะมาอะฮ์หรือละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด

5.งดการรับประทานอาหารแบบใส่ถาดรวม ให้แบ่งใส่ภาชนะที่ใช้เฉพาะของตนเองและงดการรับประทานอาหารแบบใช้มือป้อน โดยให้ใช้ช้อนที่ใช้เฉพาะของตนเอง หรือล้างมือให้สะอาด และใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร

6.งดการอาบน้ำละหมาดในบ่อน้ำหรืออ่างใหญ่ร่วมกัน โดยให้ใช้ภาชนะส่วนตัวตัก หรือใช้ก๊อกน้ำแทน 

7.การตะฮ์นีกเปิดปากเด็กทารกแรกเกิด ให้ล้างทำความสะอาดมือเป็นอย่างดี 

8.ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 จนถึงปัจจุบัน หากมีอาการไข้หวัด ให้ไปพบแพทย์โดยด่วน ส่วนผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยในเดือนมีนาคม ให้พักอยู่บ้าน 14 วัน และพยายามอยู่ห่างจากคนอื่นประมาณ 1 เมตร ทั้งนี้ เพื่อเฝ้าดูอาการและรายงานอาการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรับทราบทุกระยะ

9.ให้นักเรียน นักศึกษาและผู้ที่เดินทางไปออกดะวะห์ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และประเทศที่พบผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศอิหร่านและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้รีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือไปพบแพทย์โดยด่วน

10.ให้ทุกคนมีความอดทนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิงวอนขอดุอา (ขอพร) จากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า ให้การทดสอบครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี หมั่นขออภัยโทษต่อพระองค์ เพราะการขออภัยโทษเป็นประจำจะทำให้ภัยพิบัติต่าง ๆ หมดไป และทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้นในการเผชิญกับภัยพิบัติเหล่านั้น

เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จึงถือได้ว่าเป็นโรคระบาดที่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ดังเจตนารมณ์ของหลักนิติศาสตร์อิสลามที่ว่า

“ปัดป้องสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเสียหายก่อนที่จะกระทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์” และ “ให้แบกรับความเสียหายส่วนตน เพื่อปกป้องมิให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม” และวจนะศาสดามุฮัมหมัด (ซ.ล.) ความว่า “เมื่อรู้ว่าแผ่นดินใดเกิดโรคระบาด ก็จงอย่าได้เข้าไปยังแผ่นดินนั้น และหากแผ่นดินที่อาศัยอยู่เกิดโรคระบาด ก็จงอย่าได้ออกจากแผ่นดินนั้น” (รายงานโดย อิหม่ามบุคอรี)

ดังนั้น การปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นในการระวังป้องกันมิให้โรคระบาดดังกล่าวแพร่กระจาย ถือเป็นศาสนบัญญัติที่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม ดังพจนารถแห่งอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ความว่า

“และพวกเจ้าอย่าได้สังหารตนเอง โดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป อันเป็นเหตุให้พวกเจ้าต้องเสียชีวิตในโลกนี้ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงโปรดปรานยิ่งต่อพวกเจ้าในประการที่ทรงห้ามพวกเจ้ามิให้สังหารตนเอง”  (บทอันนิซาอ์  โองการที่ 29)

และอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า มิได้ให้เกิดความยากลำบากในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาแก่บ่าวของพระองค์ ดังพจนารถแห่งพระองค์ ความว่า

“อัลลอฮ์ทรงเลือกเฟ้นพวกเจ้าแล้วให้เป็นกลุ่มชนแรกที่นำศาสนาของพระองค์สู่ชาวโลกทั้งมวล และพระองค์มิได้ให้พวกเจ้าเกิดความยากลำบากในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา”  (บทอัลฮัจญ์ โองการที่ 78)

สำนักจุฬาราชมนตรี 5 มีนาคม 2563 .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนรำลึก 20 ปี สึนามิ

ค่ำคืนนี้ ที่อนุสรณ์สถานสึนามิบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา สว่างไสวจากแสงเทียนนับพันเล่มที่ถูกจุดขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่รักซึ่งจากไปในเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547 จากวันนั้นถึงวันนี้ ครบ 20 ปีเต็ม

สอบแล้ว 5 ปาก คลี่ปม “แบงค์ เลสเตอร์” ยังปฏิเสธจ้างดื่มโชว์

ผบช.ภ.2 เผย สอบแล้ว 5 ปาก พยานสำคัญ คลี่ปม “แบงค์ เลสเตอร์” ยังปฏิเสธจ้างดื่มโชว์ พร้อมไล่ไทม์ไลน์ เปิดผลชันสูตรเบื้องต้นหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่งชิ้นเนื้อ สารคัดหลั่ง เลือด และเศษอาหารในกระเพาะตรวจแล็บ หาสาเหตุที่แท้จริง

นายกฯ ตรวจความพร้อมหมอชิต 2 ให้บริการ ปชช.เดินทางช่วงปีใหม่

นายกฯ ตรวจความพร้อมหมอชิต 2 ให้บริการประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า กำชับ บขส. อำนวยความสะดวกเตรียมพร้อมรถ สั่งเข้มตรวจแอลกอฮอล์-ยาเสพติดพนักงานขับรถ ป้องกันอุบัติเหตุ