ภาคประชาชนเรียกร้องให้รัฐ ประกาศ “โควิด-19” เป็นระยะที่ 3

กทม.19 มี.ค.- เครือข่ายประชาชนรวม 48 หน่วยงาน ร่วมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐประกาศสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นระยะที่ 3 พร้อมดำเนินการประกาศภาวะฉุกเฉิน เป็นเวลา 3 สัปดาห์  เพื่อลดการระบาดของเชื้อโควิด-19


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทยที่ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 212 คน เสียชีวิต 1คน เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค 7,546 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มีนาคม 2563 เวลา 11.00 น.) โดยที่ปรากฎตามข้อเท็จจริงว่าพบการแพร่ระบาดไปทั่วทุกภูมิภาคของไทย ไม่จำกัดอยู่เพียงสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศที่ไม่สามารถระบุต้นตอของการติดเชื้อได้อย่างชัดเจน รวมทั้งผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ไม่ได้มารักษาในทันทีตั้งแต่วันแรกที่มีอาการป่วย ทั้งยังไม่มีพฤติกรรมการป้องกันการแพร่เชื้อที่เหมาะสม และมาตรการของรัฐมีความล่าช้า ไม่ทันการณ์ อีกทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์อาจไม่เพียงพอต่อการรับมือวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีความเสี่ยงสูงมากกว่าบุคลากรทางการแพทย์ อาจติดเชื้อ COVID-19 ทั้งจากการตรวจผู้ป่วยโดยตรง หรือขั้นตอนการให้การรักษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องดูดเสมหะในผู้ป่วยหนักอาจแปลงสภาพการ ติดเชื้อจากสภาพเสมหะของเหลวกลายเป็นการติดเชื้อในละอองอากาศในโรงพยาบาลนั้น

เครือข่ายประชาชนเพื่อลดการระบาดของเชื้อ COVID-19 มีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องมาตรการปิดประเทศ ปิดเมือง ปิดบ้าน และประกาศภาวะฉุกเฉินระยะสั้น เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรค และทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งหยุดยั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะทอดเวลาออกไปนานขึ้น หากไม่มีมาตรการที่เข้มข้น เพียงพอ โดยมีรายละเอียดดังนี้


1. ประกาศรับรองให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เข้าสู่ระยะที่ 3 เพื่อให้รัฐมีหน้าที่ในการป้องกัน ตรวจคัดกรอง กักบริเวณ และรักษาพยาบาล รวมถึงการจัดงบประมาณเพื่อชดเชยการหยุดงานหรือการปิดกิจการชั่วคราวเพื่อหยุดการแพร่กระจายโรค

2. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมไม่ให้มีการรวมตัวกันของประชาชนเกินกว่า 5 คน เป็นเวลา 3 สัปดาห์

3. ให้ดำเนินการสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ทุกหน่วยงาน ทุกกรมกอง ให้พร้อมรองรับการดูแลการแพร่ระบาดในระยะที่ 3 ของเชื้อ COVID-19 อย่างเป็นรูปธรรม


4. สิทธิในการป้องกันโรค การคัดกรอง การรักษาพยาบาลให้เป็นสิทธิของประชาชนที่เท่าเทียมกัน โดยหากเป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถได้รับการคัดกรองฟรีทั้งของรัฐและเอกชน ส่วนการรักษาพยาบาลให้เป็นไปตามสิทธิของแต่ละคนที่รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายโดยตรงให้สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียน

5. ให้กระทรวงพาณิชย์ประกาศมาตรการกำกับค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน โดยให้โรงพยาบาลเอกชนคิดค่ารักษาพยาบาลกรณี COVID-19 เท่ากับการรักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉินสีแดง อันหมายถึงค่ารักษาพยาบาลที่รัฐเป็นผู้กำหนดราคาให้โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บ โดยรัฐสนับสนุนให้บุคลากรของภาคเอกชนได้สิทธิอื่น ๆ เท่าเทียมโรงพยาบาลของรัฐในการดูแลผู้ป่วย COVID-19

6. ลดการเคลื่อนที่ของประชาชนเพื่อระงับการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 เป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดย

1) ห้ามการเดินทางเข้าและออกจากประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อกันการแพร่ระบาดของโรค

2) สนับสนุนการประกาศของรัฐบาลที่ได้ปิดสถานศึกษา สถานบันเทิง โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย รวมทั้งสถานบริการอื่นใดที่เป็นแหล่งชุมนุมของประชาชน ทั้งนี้ยกเว้น ร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านขายยา และบริการส่งของ หรืออาหารหรือสินค้าที่จำเป็น โดยมีมาตรฐานและควบคุมความสะอาดของสินค้าและผู้ส่งสินค้า ส่วนร้านอาหารต้องกำหนดมาตรการเพิ่มเติมให้เข้มงวดให้มีระยะห่างระหว่างบุคคลที่เข้ามาใช้บริการตามมาตรฐานเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

3) ขอให้ประกาศปิดส่วนราชการ ยกเว้นงานหรือบริการที่มีความจำเป็นสาธารณะและไม่สามารถทำจากที่บ้านได้ เช่น แพทย์/ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ และพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณูปโภคต่าง ๆ และขอความร่วมมือสำนักงาน บริษัท ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า โรงงาน และผู้ผลิตต่าง ๆ ทั้งหมดหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว โดยรัฐบาลจัดให้มีมาตรการทางการเงิน งบประมาณ เงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ หรือการลดหย่อนภาษี เพื่อให้ความช่วยเหลือกับบริษัท และผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ลดการจ้างงาน พร้อมจัดสรรงบประมาณของรัฐใหม่ที่ไม่จำเป็น รวมทั้งงบประมาณที่เตรียมการเพื่อจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น มาสนับสนุน

4) ขอความร่วมมือประชาชนงดการเคลื่อนที่ โดยให้อยู่กับบ้านหรือทำงานที่บ้าน ยกเว้นเมื่อมีปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลรักษา หรือออกไปทำธุระที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ให้เดินทางน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น

7. มาตรการของรัฐและการจัดสรรงบประมาณทั้งหมด ต้องดำเนินการให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้ต่ำให้สามารถสำรองอาหารในระหว่างการประกาศนี้ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรรมและโครงการที่เพิ่มการสร้างความมั่นคงทางอาหารของชุมชนทั้งในเขตเมืองและชนบท เช่น การปลูกผักในเมือง และการเกษตรแบบผสมผสาน เป็นต้น

8. สำหรับประชาชนทั่วไป เมื่อกักตนอยู่ที่บ้าน เพื่อช่วยกันรับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัว ในการฝ่าวิกฤติของชาติและของโลกร่วมกันครั้งนี้ หากมีผู้ป่วยเกิดขึ้นในบ้าน ขอให้กักบริเวณเป็นห้องต่างหากโดยเฉพาะ ถ้ายังไม่มีอาการรุนแรงใด ๆ เพื่อป้องกันการระบาดเพิ่มเติมสู่บุคคลอื่น เนื่องจากโรคนี้ไม่จำเป็นต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทุกรายเสมอไป เพราะผู้ป่วยสามารถหายป่วยเองได้ ดังนั้นโรงพยาบาลควรให้บริการเฉพาะผู้ป่วยหนักเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดในโรงพยาบาล ส่งเสริมบทบาทของชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สนับสนุนครอบครัวใดที่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่กักตัวตนเอง โดยให้หน่วยงานและกลไกของรัฐที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน

9. รัฐมีหน้าที่จัดสรรหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้เพียงพอสำหรับสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทุกครัวเรือนตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เคยแถลงให้คำมั่นต่อประชาชน การจะหยุดโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจอย่างเป็นเอกภาพ พร้อมเพรียงของพี่น้องประชาชนด้วยมาตรการแรงในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น จึงจะสามารถหยุดโรคระบาดนี้ได้ เครือข่ายประชาชนเพื่อลดการระบาดของเชื้อ COVID-19 ขอให้กำลังใจและขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการสนับสนุนแนวทางดังกล่าว เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายในขณะนี้ให้เข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็วที่สุด

สำหรับหน่วยงาน องค์กร และบุคคลที่สนับสนุน ประกอบด้วย 

1. กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ

2. ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน

3. คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน

4. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

5. เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก

6. เครือข่ายชุมชนผู้เดือดร้อนจากการสร้างอาคารผิดกฎหมาย

7. เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน

8. เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน

9. เครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม

10. เครือข่ายผู้บริโภคภาคเหนือ

11. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต

12. เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่

13. เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์

14. เครือข่ายศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน เขต 1 เชียงใหม่

15. เครือข่ายสื่อสร้างสรรค์เพื่อการขับเคลื่อนสังคม

16. เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้

17. มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน

18. มูลนิธิเข้าถึงเอดส์

19. มูลนิธิคนตัวดี

20. มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว

21. มูลนิธิชีววิถี

22. มูลนิธิบูรณะนิเวศ

23. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

24. มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา

25. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน

26. มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์

27. มูลนิธิสุขภาพไทย

28. มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน

29. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล

30. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.จันทบุรี

31. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.จันทบุรี (ประเด็นเกษตร)

32. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.ฉะเชิงเทรา

33. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.ฉะเชิงเทรา (ประเด็นเกษตรกร)

34. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.ฉะเชิงเทรา (ประเด็นคนพิการ)

35. ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค จ.ตราด (ประเด็นผู้ติดเชื้อ)

36. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.สมุทรปราการ (ประเด็นเกษตร)

37. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.สมุทรปราการ (ประเด็นเด็กและเยาวชน)

38. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.สระแก้ว

39. สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา

40. สถาบันแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต

41. สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย

42. สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย

43. สมาคมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคภาคตะวันออก

44. สมาคมผู้บริโภคร้อยเอ็ด

45. สมาคมผู้บริโภคสงขลา

46. สมาคมผู้บริโภคสุราษฎร์ธานี

47. สมาคมส่งเสริมภาคประชาสังคม

48. ภญ.ศิริพร. จิตรประสิทธิศิริ  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย