กยท.รณรงค์กำจัดโรคใบร่วงยางพารา

กรุงเทพฯ 6 มี.ค. – กยท.จัดโครงการคืนน้ำยางกลับสู่ต้น ถ่ายทอดเทคโนโลยีป้องกันกำจัดโรคใบร่วงในยางพารา นำร่องนราธิวาส 9 มี.ค.นี้


นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้อำนวย การการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 9 มีนาคมนี้จะร่วมกับจังหวัดนราธิวาสจัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีเตรียมพร้อมรับสถานการณ์โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตามโครงการคืนน้ำยางกลับสู่ต้น โดยจะแนะนำสารป้องกันกำจัดเชื้อรา สาธิตวิธีการฉีดพ่นทั้งบริเวณทรงพุ่มและพื้นสวนที่มีเชื้อราสะสมอยู่ พร้อมกันนี้จะมอบวัสดุอุปกรณ์อุดหนุนเกษตรกรและสถานบันเกษตรกรยางพารา ได้แก่ เครื่องฉีดพ่นแรงดันสูงและวัสดุอุปกรณ์ป้องกันกำจัดเชื้อรา 


ทั้งนี้ กยท.กำหนดมาตรการเฝ้าระวังโรคใบร่วงในยางพาราที่เกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. Colletotrichum sp. และเชื้อราอื่น ๆ ส่งใบร่วงรุนแรง ต้นโทรม ผลผลิตน้ำยางทยอยลดลง ถึงขั้นต้องหยุดกรีดยาง เชื้อรานี้แพร่ระบาดโดยลมหรือจากการเคลื่อนย้ายส่วนของต้นยาง จึงป้องกันได้ยาก อาการของโรคปรากฏบนใบยางแก่ ลักษณะเป็นแผลกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนใหญ่มากกว่า 0.5 เซนติเมตร ช่วงเริ่มแรกอาการบนผิวใบเป็นรอยสีเหลืองค่อนข้างกลม (chlorosis) และต่อมาเนื้อเยื่อรอยสีเหลืองจะตายแห้ง (necrosis) เป็นแผลกลมสีสนิมซีด พบอาการจุดแผลต่อใบยางมากกว่า 1 แผล จากนั้นใบจะเหลืองและร่วงในที่สุด อาการของโรคจะรุนแรงและใบร่วงมากหลังมีฝนตกหนักติดต่อกันอย่างน้อย 2 วันเพราะอากาศที่ชื้นและลมแรง นอกจากนี้ยังพบมีแผลลุกลามแห้งจากปลายยอด หากใบร่วงหลายครั้งอาจถึงขั้นยืนต้นแห้งตายได้ พื้นที่พบการแพร่ระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา มี 9 จังหวัดได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา สตูล ตรัง กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี รวมพื้นที่ 775,178.86 ไร่ มีเกษตรกรชาวสวนยาง ได้รับผลกระทบ 81,962 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563) 

นายณกรณ์ กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ว่า มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นดำเนินการแล้วและกำลังดำเนินการ คือ เร่งสำรวจและติดตามการแพร่ระบาดของโรค เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โดยการรับแจ้งและสำรวจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ร่วมกับใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ซึ่งจะมีการประเมินพื้นที่การระบาดของโรคจากการร่วงของใบในช่วงเวลาต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรค ได้แก่ ข้อมูลพื้นที่การระบาด การตรวจสอบลักษณะ อาการของโรค คำแนะนำในการป้องกันกำจัดโรคเบื้องต้น การแจ้งข้อมูลการพบโรคหรือข้อสงสัยได้แก่ อบรมให้ความรู้พนักงาน เจ้าหน้าที่ ผู้นำท้องถิ่น และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง  3 ครั้ง ในจังหวัดนราธิวาส ตรัง และสุราษฎร์ธานี  ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคผ่านทางเว็ปไซต์การยางแห่งประเทศไทย ช่องทางสื่อสารออนไลน์อื่น ๆ รวมถึงให้ความรู้อาสาสมัครเกษตรจากทั่วประเทศของกรมส่งเสริมการเกษตร สาธิตการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในการฉีดพ่นสารเคมีควบคุมและกำจัดเชื้อราใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ตรัง พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานีนำร่องจังหวัดละ 300 ไร่ รวม 1,500 ไร่ ศึกษาวิจัยหาเชื้อสาเหตุและกลไกการเข้าทำลาย ทดสอบประสิทธิภาพของสารเคมีในการป้องกันกำจัดในพื้นที่เกิดโรคในสภาพแปลง ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล มาใช้เป็นแนวทางในการ บริหารจัดการโรค ทั้งหน่วยงานในประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และองค์กรระหว่างประเทศเช่น สมาคมประเทศผู้ผลิตยาง ธรรมชาติ (ANRPC) สภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ (IRRDB) 


ล่าสุด กยท.ตั้งศูนย์บริหารจัดการโรคยางพารา ประกอบด้วย พนักงาน กยท. ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร ผู้แทนกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัย ทำหน้าที่บริหารจัดการ เกี่ยวกับโรคยางพาราทั้งระบบ ควบคุม กำกับ ติดตาม ประเมินผลการระบาดและผลกระทบจากโรคยางพารา แล้วให้รายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญคือ กยท. จัดสรรเงินอุดหนุนกองทุนพัฒนายาง ตามมาตรา 49 (3) ใน เพื่อจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์พ่นสาร ยาป้องกันกำจัดเชื้อราให้สถาบันเกษตรกรในจังหวัดนราธิวาสและตรังเป็นเงิน 1,189,600 บาท อีกทั้งประสานกรมวิชาการเกษตรในการศึกษาเชื้อสาเหตุ และเข้มงวดในการเคลื่อนย้ายกล้ายาง และกิ่งตายางในแปลงขยายพันธุ์ยางเพื่อการค้าที่ปราศจากโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปสู่แหล่งอื่น 

นายณกรณ์ กล่าวว่า ระยะยาวจะวิจัยและพัฒนาพันธุ์ยางต้านทานโรค กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง เตือนภัยและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โดยการศึกษา แนวโน้มและทิศทางการระบาดของโรค วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของพื้นที่ระบาดของโรคกับสภาพภูมิอากาศ และติดตั้งเครื่องมือดักจับสปอร์ ป้องกันการเกิดโรคในพื้นที่เสี่ยงประมาณ 2,000,000 ไร่ด้วยการดูแลรักษาแปลงให้สะอาดและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยาง ขยายผลการป้องกันกำจัดโรคให้ครอบคลุมพื้นที่โรคระบาดเพื่อไม่ให้ลุกลามจากภาคใต้ขึ้นมาสู่ภาคอื่นๆ ทางตอนบนของประเทศ

สำหรับโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราพบการแพร่ระบาดครั้งแรกอินโดนีเซีย เมื่อปี 2558 ต่อมาพบการระบาดในมาเลเซีย เมื่อปี 2560 การแพร่ระบาดของโรคขยายวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จนกระทั่งมีรายงานพบการแพร่ระบาดเข้ามายังพื้นที่ภาคใต้ของไทย ได้รับรายงานครั้งแรกเดือนกันยายน 2562 ในจังหวัดนราธิวาส จากการตรวจสอบใบยางพาราที่เป็นโรค การป้องกันกำจัด พ่นด้วยยาป้องกันกำจัดเชื้อรา แมนโคเซบ 2-3 ครั้ง สลับด้วยยาดูดซึม เช่น คาร์เบนดาซิม โพรพิเนป คลอโรธาโลนิล หรือเฮกซาโคนาโซล 1 ครั้ง ตามอัตราแนะนำ ส่วนใบที่เป็นโรคแล้วร่วงลงมาให้เก็บรวบรวมทำลายโดยฝังกลบหรือกองรวม โรยทับใบยางเป็นโรคด้วยปูนขาวหรือโดโลไมท์ให้ทั่ว หว่านตามด้วยยูเรียปริมาณร้อยละ 10 ของน้ำหนักปูนแล้วรดน้ำตาม ตลอดจนใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงต้นยางให้แข็งแรงจะทำให้ต้นยางที่เป็นโรคแตกใบใหม่และปัองกันแปลงใกล้เคียงไม่ให้ติดโรคได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย