เปิดเวทีเสวนา ถอดรหัสบทวิเคราะห์ “โควิด-19”

บางเขน 5 มี.ค.-อว.จับมือ สธ.ถอดรหัสบทวิเคราะห์โควิด-19 “องค์การอนามัยโลก…เจออะไรที่ประเทศจีน” หลังส่งผู้เชี่ยวชาญ 8 ประเทศ เก็บข้อมูลที่จีน ช่วงกลางเดือน ก.พ.พบร้อยละ 96 เชื้อมาจากค้างคาว ผู้ป่วยหัวใจ เบาหวาน เสี่ยงสูงหากติดเชื้ออาจเสียชีวิต จีนเฝ้าระวังและค้นหา   ผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้น จนตัวเลขเริ่มลดลง


สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดเวทีเสวนาวิชาการรูปแบบใหม่ถอดรหัสบทวิเคราะห์ โควิด-19 “องค์การอนามัยโลก…เจออะไรที่ประเทศจีน”เพื่อการรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยมี ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) Dr.Daniel Kertesz( แดเนียล เคอร์เทส)ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


Dr.Daniel กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญ 25 คน จาก8 ประเทศ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศจีน เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระหว่าง16-24 ก.พ 63 เพื่อนำมาถอดบทเรียนและเผยแพร่แก่คนทั่วโลก ในการควบคุม ป้องกัน การรับมือกับการระบาด และดูว่า คนกลุ่มใดมีความเสี่ยงมากที่สุด การแสดงอาการ จนถึงการเสียชีวิตเป็นอย่างไร โดยทำงานร่วมกันระหว่างองค์การอนามัยโลกกับรัฐบาลจีน แม้ว่าการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลนำมาจัดทำเป็นรายงานฉบับนี้จะค่อนข้างสั้น แต่หวังว่าจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ 


เลขาธิการ วช. กล่าวว่า รายงานฉบับนี้น่าสนใจมากเพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าไปศึกษาในสถานที่จริง เพื่อศึกษาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน โดยพบว่าในช่วงการแพร่ระบาดตั้งแต่ 8 ธันวาคม 62 มีการระดม แพทย์ พยาบาล มากกว่า 40,000 คนเข้าไปในอู่ฮั่น หูเป่ย มีการสร้าง รพ.เฉพาะการรักษาไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนแปลง รพ.45 แห่งมาดูแลคนไข้โดยเฉพาะ มี 36แห่งดูแลคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ 9 รพ.ดูแลผู้ป่วยหนัก และรายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า มีข่าวดีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ เพียง9 วันที่เข้าไปศึกษา ที่เกิดเหตุ ทั้งที่อู่ฮั่น ปักกิ่ง เสฉวน กวางเจา เซินเจิ้น 

ผลที่ได้ของรายงานฉบับนี้ มี6 ส่วน คือ 1.เชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างไร 

2.การระบาด มีผลอย่างไร 3.การระบาดวิทยา ติดได้อย่างไร 4.การดำเนินโรค ป่วยแล้วเป็นอย่างไร 5.การตอบสนองมาตรการของจีน การปิดเมือง ทำอะไรบ้าง 6.ช่องว่างของความรู้ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคใหม่ สิ่งที่ยังไม่ทราบคืออะไรและจะทำอะไรต่อ 

ทั้งนี้ จากการศึกษาเชื้อจากผู้ป่วย 104 ราย พบว่าเชื้อตัวนี้แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.เชื้อตัวนี้อยู่ในกลุ่มโคโรนาไวรัส และสายพันธุ์นี้ไม่เคยพบในคนมาก่อน เป็นการติดเชื้อจากสัตว์ 2.ใกล้เคียงกับเชื้อที่พบในค้างคาว 96% ทำให้เกิดปอดอักเสบอย่างรุนแรง 

พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากรายงานการลงพื้นที่จริงเมื่อ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยมีอายุตั้งแต่ 2วันถึงอายุ100 ปี และผู้ติดเชื้อร้อยละ70คือ หูเป่ย สัดส่วนหญิงชายเท่ากัน การแพร่ระบาดมาจากสัตว์ และค้างคาวน่าจะเป็นตัวเก็บเชื้อทั้งหมด แต่สัตว์อะไรที่นำมาแพร่เชื้อสู่คนยังไม่แน่ชัด จากการลงพื้นที่ตลาดสัตว์หายาก ในตลาดไม่มีการคัดแยกสัตว์ โดยทั้งหมดอยู่ร่วมกัน ไม่มีการสวมถุงมือของผู้ค้า ผู้ซื้อ และมีการถกเถียงกันว่า การติดเชื้อมาจากฝอยละอองหรือทางอากาศ ซึ่งยังไม่พบข้อมูลว่าแพร่ระบาดทางอากาศแต่เป็นการสัมผัสฝอยละอองและ ร้อยละ 80 ติดเชื้อจากในบ้าน น่าสนใจว่าประเทศจีนตั้งทีมในการดูแลกลุ่มที่มีความเสี่ยง 1,800 ทีมในการดูแล ดูแล10,000 คนต่อวัน เพื่อลดการแพร่ระบาด สาเหตุที่คนตื่นกลัวมาก เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ และต้องดูว่าหลังติดเชื้อแล้วจะสามารถเป็นอีกได้หรือไม่ และการระบาดถึงขนาดไหน การติดเชื้อถึงจะน้อยลง 

นพ.ไชยรัตน์  เพิ่มพิกุล  หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์  ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า กลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ  โควิด-19 และเสียชีวิต คือกลุ่มสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ส่วนคนไข้เด็กที่ต่ำกว่า18 ปี พบน้อย 

นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มต้นรับมือตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม หลังได้รับรายงานการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเริ่มคัดกรองผู้เดินทางจากอู่ฮั่น ประเทศจีนมาจนถึงปัจจุบัน ไทยมีประสบการณ์จากการรับมือไข้หวัดนก โรคเมอร์ส อีโบลา ศักยภาพเดิมเรามีอยู่ แต่ต้องเรียนรู้จากจีน ในด้านการงดกิจกรรมหรือเทศกาลทั้งหมด เป็นการลดการระบาดได้ดี เช่น จีน สามารถงดเทศกาลตรุษจีนได้ ไทยจะสามารถงดเทศกาลสงกรานต์ จะเป็นไปได้หรือไม่ ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลไทย และเป็นความร่วมมือของคนในประเทศ 

อย่างไรก็ตามบทเรียนจากประเทศจีนสำหรับประเทศที่การระบาดอยู่ที่ระยะที่ 2 ให้เริ่มใช้กลไกการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับ ประเทศ เฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้ออย่างเข้มงวด ให้ข้อมูลและความรู้แก่ประชาชน สอดส่องและค้นหาโรคในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มอื่นๆ เตรียมแผน การและซักซ้อมการปฏิบัติมาตรการต่างๆ จนถึงระดับสูงสุด ยังมีรายละเอียดการค้นพบอีกมากในรายงานขององค์การอนามัยโลกดังกล่าว

ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นบทเรียนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่สำคัญเพื่อการเตรียมตัวรองรับสถานการณ์ โควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเป็นการถอดบทเรียนและสร้างองค์ความรู้ สร้าง ความเข้าใจ และแนวทางป้องกันสำหรับอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย