เปิดเวทีเสวนา ถอดรหัสบทวิเคราะห์ “โควิด-19”

บางเขน 5 มี.ค.-อว.จับมือ สธ.ถอดรหัสบทวิเคราะห์โควิด-19 “องค์การอนามัยโลก…เจออะไรที่ประเทศจีน” หลังส่งผู้เชี่ยวชาญ 8 ประเทศ เก็บข้อมูลที่จีน ช่วงกลางเดือน ก.พ.พบร้อยละ 96 เชื้อมาจากค้างคาว ผู้ป่วยหัวใจ เบาหวาน เสี่ยงสูงหากติดเชื้ออาจเสียชีวิต จีนเฝ้าระวังและค้นหา   ผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้น จนตัวเลขเริ่มลดลง


สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดเวทีเสวนาวิชาการรูปแบบใหม่ถอดรหัสบทวิเคราะห์ โควิด-19 “องค์การอนามัยโลก…เจออะไรที่ประเทศจีน”เพื่อการรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยมี ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) Dr.Daniel Kertesz( แดเนียล เคอร์เทส)ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


Dr.Daniel กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญ 25 คน จาก8 ประเทศ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศจีน เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระหว่าง16-24 ก.พ 63 เพื่อนำมาถอดบทเรียนและเผยแพร่แก่คนทั่วโลก ในการควบคุม ป้องกัน การรับมือกับการระบาด และดูว่า คนกลุ่มใดมีความเสี่ยงมากที่สุด การแสดงอาการ จนถึงการเสียชีวิตเป็นอย่างไร โดยทำงานร่วมกันระหว่างองค์การอนามัยโลกกับรัฐบาลจีน แม้ว่าการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลนำมาจัดทำเป็นรายงานฉบับนี้จะค่อนข้างสั้น แต่หวังว่าจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ 


เลขาธิการ วช. กล่าวว่า รายงานฉบับนี้น่าสนใจมากเพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าไปศึกษาในสถานที่จริง เพื่อศึกษาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน โดยพบว่าในช่วงการแพร่ระบาดตั้งแต่ 8 ธันวาคม 62 มีการระดม แพทย์ พยาบาล มากกว่า 40,000 คนเข้าไปในอู่ฮั่น หูเป่ย มีการสร้าง รพ.เฉพาะการรักษาไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนแปลง รพ.45 แห่งมาดูแลคนไข้โดยเฉพาะ มี 36แห่งดูแลคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ 9 รพ.ดูแลผู้ป่วยหนัก และรายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า มีข่าวดีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ เพียง9 วันที่เข้าไปศึกษา ที่เกิดเหตุ ทั้งที่อู่ฮั่น ปักกิ่ง เสฉวน กวางเจา เซินเจิ้น 

ผลที่ได้ของรายงานฉบับนี้ มี6 ส่วน คือ 1.เชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างไร 

2.การระบาด มีผลอย่างไร 3.การระบาดวิทยา ติดได้อย่างไร 4.การดำเนินโรค ป่วยแล้วเป็นอย่างไร 5.การตอบสนองมาตรการของจีน การปิดเมือง ทำอะไรบ้าง 6.ช่องว่างของความรู้ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคใหม่ สิ่งที่ยังไม่ทราบคืออะไรและจะทำอะไรต่อ 

ทั้งนี้ จากการศึกษาเชื้อจากผู้ป่วย 104 ราย พบว่าเชื้อตัวนี้แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.เชื้อตัวนี้อยู่ในกลุ่มโคโรนาไวรัส และสายพันธุ์นี้ไม่เคยพบในคนมาก่อน เป็นการติดเชื้อจากสัตว์ 2.ใกล้เคียงกับเชื้อที่พบในค้างคาว 96% ทำให้เกิดปอดอักเสบอย่างรุนแรง 

พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากรายงานการลงพื้นที่จริงเมื่อ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยมีอายุตั้งแต่ 2วันถึงอายุ100 ปี และผู้ติดเชื้อร้อยละ70คือ หูเป่ย สัดส่วนหญิงชายเท่ากัน การแพร่ระบาดมาจากสัตว์ และค้างคาวน่าจะเป็นตัวเก็บเชื้อทั้งหมด แต่สัตว์อะไรที่นำมาแพร่เชื้อสู่คนยังไม่แน่ชัด จากการลงพื้นที่ตลาดสัตว์หายาก ในตลาดไม่มีการคัดแยกสัตว์ โดยทั้งหมดอยู่ร่วมกัน ไม่มีการสวมถุงมือของผู้ค้า ผู้ซื้อ และมีการถกเถียงกันว่า การติดเชื้อมาจากฝอยละอองหรือทางอากาศ ซึ่งยังไม่พบข้อมูลว่าแพร่ระบาดทางอากาศแต่เป็นการสัมผัสฝอยละอองและ ร้อยละ 80 ติดเชื้อจากในบ้าน น่าสนใจว่าประเทศจีนตั้งทีมในการดูแลกลุ่มที่มีความเสี่ยง 1,800 ทีมในการดูแล ดูแล10,000 คนต่อวัน เพื่อลดการแพร่ระบาด สาเหตุที่คนตื่นกลัวมาก เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ และต้องดูว่าหลังติดเชื้อแล้วจะสามารถเป็นอีกได้หรือไม่ และการระบาดถึงขนาดไหน การติดเชื้อถึงจะน้อยลง 

นพ.ไชยรัตน์  เพิ่มพิกุล  หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์  ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า กลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ  โควิด-19 และเสียชีวิต คือกลุ่มสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ส่วนคนไข้เด็กที่ต่ำกว่า18 ปี พบน้อย 

นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มต้นรับมือตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม หลังได้รับรายงานการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเริ่มคัดกรองผู้เดินทางจากอู่ฮั่น ประเทศจีนมาจนถึงปัจจุบัน ไทยมีประสบการณ์จากการรับมือไข้หวัดนก โรคเมอร์ส อีโบลา ศักยภาพเดิมเรามีอยู่ แต่ต้องเรียนรู้จากจีน ในด้านการงดกิจกรรมหรือเทศกาลทั้งหมด เป็นการลดการระบาดได้ดี เช่น จีน สามารถงดเทศกาลตรุษจีนได้ ไทยจะสามารถงดเทศกาลสงกรานต์ จะเป็นไปได้หรือไม่ ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลไทย และเป็นความร่วมมือของคนในประเทศ 

อย่างไรก็ตามบทเรียนจากประเทศจีนสำหรับประเทศที่การระบาดอยู่ที่ระยะที่ 2 ให้เริ่มใช้กลไกการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับ ประเทศ เฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้ออย่างเข้มงวด ให้ข้อมูลและความรู้แก่ประชาชน สอดส่องและค้นหาโรคในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มอื่นๆ เตรียมแผน การและซักซ้อมการปฏิบัติมาตรการต่างๆ จนถึงระดับสูงสุด ยังมีรายละเอียดการค้นพบอีกมากในรายงานขององค์การอนามัยโลกดังกล่าว

ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นบทเรียนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่สำคัญเพื่อการเตรียมตัวรองรับสถานการณ์ โควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเป็นการถอดบทเรียนและสร้างองค์ความรู้ สร้าง ความเข้าใจ และแนวทางป้องกันสำหรับอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย