สถาบันบำราศนราดูร 3 มี.ค.-รองอธิบดีกรมควบคุมโรค อบรมบุคลากรทางการแพทย์ เตรียมพร้อมโควิด -19 ระบาดเฟส 3 พร้อมให้ความรู้ประชาชน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ กินช้อนร้อนกลาง ย้ำป่วยต้องสวมหน้ากากอนามัย ไม่ป่วยเดินทางพื้นที่สาธารณะแออัด ต้องสวมป้องกันตนเอง ส่วนการดูหน้ากากอนามัยเก่ามาขายใช้ซ้ำ ขอให้เลือกซื้อจากแพจเกจที่น่าเชื่อถือ
นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าภายหลังเปิดการประชุมเชิงปฎิบัติการเตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)แก่บุคลากรของกรมควบคุมโรค ว่า เนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 คาดว่าอีกไม่นานไทยจะเข้าสู่การระบาดในเฟส ที่ 3 ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องมีความตื่นตัว ในการรับมือ ในขณะเดียวกันการให้องค์ความรู้เรื่องการ ล้างมือ การสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อนำความรู้ไปบอกต่อเกิดพฤติกรรมที่ดีแก่ประชาชน ใช้ในการป้องกันและควบคุมโรค
นพ.อัษฎางค์ กล่าวว่า พฤติกรรมทางสุขภาพที่ประชาชนควรมี จากนี้เพื่อป้องกันโรค คือการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วย เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม แม้เล็กน้อยก็ควรสวม หมั่นล้างมือเพื่อป้องกันการติดต่อจากละอองฝอยน้ำลายในการหยิบจับสิ่งของ รับประทานอาหารร้อนและใช้ช้อนกลาง ในการทางอาหารร่วมกับผู้อื่น
ส่วนประชาชนที่ไม่ป่วยเมื่อเข้าไปในสถานที่แออัด ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน อาทิ การเดินทางด้วยระบบขนส่งรถไฟฟ้า หรือ ไปใน รพ.
พร้อมกันนี้ยังให้ความห่วงกังวลกรณีข่าวพบการนำหน้ากากอนามัยใช้แล้วมาซักรีดจำหน่าย ว่า เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจับกุมแล้ว แต่สำหรับประชาชนทั่วไป ต้องหมั่นสังเกตว่า หน้ากากที่นำมาจำหน่ายมีลักษณะอย่างไร ทางที่ดีควรเลือกที่แพคเกจบรรจุเรียบร้อยและสะอาดน่าเชื่อถือ
ด้านทีมแพทย์ที่ให้การรักษาผู้เสียชีวิต ติดเชื้อโควิด-19 รายแรก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการติดต่อประสานทีมสุขภาพจิต เข้าไปช่วยเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต เนื่องจากถูกตั้งข้อรังเกียจจากสังคม ในโลกโซเชียล ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากวานนี้ มีชาวบ้านบางส่วนไปต่อว่าที่งานศพ เนื่องจากระแวงว่า จะทำให้เชื้อแพร่กระจาย ยืนยันว่า ผลการตรวจเชื้อที่ลำคอของผู้เสียชีวิตไม่พบ ฉะนั้น ไม่มีเชื้อกระจายจากศพแน่นอน
ทั้งนี้ อยากให้สังคมไทย เข้าใจ ไม่มีใครอยากป่วยไข้ และครอบครัวนี้ได้รับการรักษาหมดแล้ว และไม่อยากให้เกิดปัญหาส่งผลกระทบต่อคนอยู่เบื้องหลัง .-สำนักข่าวไทย