“อสมท” เผยงบปี 62 กำไรก่อนภาษี 78.81 ล้านบาท รายได้รวมสูงขึ้นจากปี 61

อสมท 26 ก.พ.- อสมท เผยผลประกอบการปี 62 บริษัทมีกำไรก่อนภาษี 78.81 ล้านบาท “ธุรกิจโทรทัศน์-วิทยุ” ยังสร้างรายได้หลักส่งท้ายไตรมาสสุดท้ายปี 62 ส่วนด้านวิทยุ “คลื่นลูกทุ่งมหานคร” ครองเเชมป์รายได้สูงสุด


บมจ.อสมท เผยผลประกอบการปี 62 บริษัทมีกำไรก่อนภาษี 78.81 ล้านบาท “ธุรกิจโทรทัศน์-วิทยุ” ยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้หลักให้กับองค์กรโดยไตรมาสสุดท้ายปี 2562 ส่ง “แม็กซ์ มวยไทย” เข้าผังส่งผลเรตติ้งช่อง 9 MCOT HD ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ด้านวิทยุ “คลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 MHz.” ครองแชมป์สร้างรายได้สูงสุด ส่วนธุรกิจ Non Broadcast ที่ดินย่าน “รัชดา – พระราม 9” อยู่ระหว่างการร่าง TOR หาผู้ร่วมลงทุน คาดจะได้ผู้ลงทุนภายในปีนี้ 





นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “อสมท รายงานงบการเงินปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2562 บริษัทมีกำไรก่อนภาษีจำนวน 78.81 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทต้องบันทึกการปรับปรุงภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 537 ล้านบาท จึงทำให้ผลประกอบการของบริษัทหลังหักภาษีจำนวน 458 ล้านบาท มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ซึ่งการบันทึกปรับปรุงภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีเป็นการบันทึกทางบัญชีเท่านั้นมิได้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน.



ธุรกิจโทรทัศน์และธุรกิจวิทยุ ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้ถึงร้อยละ 59 ของรายได้ทั้งหมด แต่จากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคสื่อที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ทำให้ อสมท จะมีการปรับแผนงานในปี 2563 โดยเพิ่มความสำคัญในธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ด้าน Non Broadcast มากขึ้น พร้อมกับการปรับรูปแบบการหารายได้จากธุรกิจหลัก และใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ธุรกิจโทรทัศน์ อสมท มีรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ปี 2562 จำนวน 679 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561โดยสามารถสร้างรายได้จากการขายโฆษณาได้มากถึงร้อยละ 49 

ธุรกิจวิทยุ ทำรายได้ในปี 2562 จำนวน 703 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ร้อยละ 5 โดยรายได้หลักมาจากรายได้การขายโฆษณาจากวิทยุในส่วนกลางทั้ง 6 คลื่น ซึ่งคลื่นวิทยุที่มีผลงานโดดเด่นมีอัตราการเติบโตของรายได้สูงสุดในปี 2562 ได้แก่ คลื่นความคิด FM 96.5 MHz. มีอัตราเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปี 2561 รองลงมาเป็นคลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 MHz. ที่ยังคงเป็นคลื่นที่มีรายได้สูงสุดในคลื่นส่วนกลาง ตามด้วยคลื่นความคิด FM 96.5 MHz., คลื่น MET 107 MHz., คลื่น FM 100.5 MHz. News Network, Active Radio FM 99 MHz. และ Mellow FM 97.5 MHz. ตามลำดับ

ธุรกิจใหม่ มีรายได้จำนวน 37 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2561 อย่างไรก็ตามบริษัท จะเพิ่มช่องทางหารายได้จากสื่อออนไลน์ จาก Youtube, Facebook, และ Website: www.MCOT.net ให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นสื่อที่จะมีการขยายตัวของงบโฆษณาค่อนข้างสูงในปี 2563 เป็นต้นไป 

นายเขมทัตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรายังเดินหน้าพัฒนาผังรายการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคัดสรรรายการ ที่จะสามารถสร้างความนิยมจากผู้ชมมาเพิ่มเติมในผังรายการมากขึ้น โดยในเดือนธันวาคม 2562 ได้ให้สัดส่วนเวลากับรายการบันเทิง ร้อยละ 37, ข่าวและการรายงานสถานการณ์ ร้อยละ 33, รายการสาระความรู้  สาระบันเทิง ร้อยละ 14, รายการกีฬา ร้อยละ 10, ประชาสัมพันธ์และสาธารณประโยชน์ ร้อยละ 6 

สำหรับรายการใหม่ที่มีความโดดเด่นและสร้างความนิยมในผังรายการตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา ที่ช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น ได้แก่ รายการ “แม็กซ์ มวยไทย” ที่ออกอากาศวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี ก่อนรายการข่าวภาคค่ำ ซึ่งแม็กซ์ มวยไทย ทำให้รายการก่อนหน้าและหลังการถ่ายทอดสดได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และทำให้เรตติ้งในภาพรวมของช่อง 9 MCOT HD อยู่ในระดับ Top 10 นอกจากนี้ยังได้เพิ่มรายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ซึ่งเป็นรายการเล่าข่าว วิเคราะห์เจาะลึก โดยมีแหล่งข่าวที่เป็นบุคคลสำคัญที่น่าเชื่อถือ ออกอากาศในทุกเช้าวันจันทร์ถึงวันศุกร์ 

สำหรับการพัฒนาธุรกิจ Non Broadcast สินทรัพย์ที่ดินย่านรัชดา-พระราม 9 ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่าง TOR เพื่อเปิดให้ผู้ลงทุนร่วมเข้าเสนอผลประโยชน์ตอบแทนในการลงทุนให้แก่ บมจ. อสมท โดยคาดว่าจะได้ผู้ลงทุนฯ ภายในปี 2563

สำหรับแผนงานในปี 2563 จะเน้นการพัฒนาองค์กรและวางรากฐานของธุรกิจใหม่ๆ เป็นหลัก เพื่อให้เป็นพื้นฐานของการเติบโตที่ยั่งยืนโดยจะเน้นไปที่การเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่นอกเหนือจากสื่อและการเพิ่มของพันธมิตร Platform ใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย