กรุงเทพฯ 19 ก.พ.- เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ระบุ ทางสถานทูตเร่งสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลปรับเปลี่ยนคำประกาศยกระดับห้ามคนทุกสัญชาติที่เคยพำนักในประเทศไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเก๊า 14 วันก่อนการเดินทางเข้าอิสราเอลเข้าประเทศโดยเร็ว หวั่นกระทบแรงงานไทยที่ทำงานในอิสราเอลและการท่องเที่ยวไทย
น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กรณีอิสราเอลออกประกาศยกระดับห้ามคนทุกสัญชาติที่เคยพำนักในประเทศไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเก๊า 14 วันก่อนการเดินทางเข้าอิสราเอลเข้าประเทศว่า อิสราเอลได้ออกคำเตือนต่างๆ มาอย่างเป็นขั้นตอน โดยในขั้นแรกเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ได้ออกประกาศให้คนอิสราเอลที่ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปไทยเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน ซึ่งตนก็ได้พยายามให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขั้นตอนการคัดกรองที่สนามบิน มาตรการที่ไทยดำเนินการรวมถึงศักยภาพด้านการรับมือกับการแพร่ระบาดของโลกผ่านทางช่องทางต่างๆ รวมทั้งให้สัมภาษณ์พิเศษออกทางรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์อิสราเอล ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลได้ออกประกาศที่ 2 ให้บุคคลทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากประเทศไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเก๊า ต้องกักตนเอง (Self Quarantine) อยู่ในที่พักเป็นเวลา 14 วันทำให้ สถานทูตต้องเร่งออกข่าวสารนิเทศเตือนคนไทยที่กำลังจะเดินทางมาอิสราเอลให้รับทราบเพื่อปรับแผนการเดินทาง ซึ่งคนไทยกลุ่มที่เดินทางมาอิสราเอลประกอบด้วยแรงงานไทย นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ
น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า หลังทางการอิสราเอลมีคำประกาศล่าสุด ตนได้ไปพบหารือกับนายกิลาด โคเฮน รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งดูแลงานด้านความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ตลอดจนมาตรการป้องกัน คัดกรอง ควบคุมและรักษาโรคของไทย เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และภายหลังการหารือได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีผู้ติดตามชมมากที่สุดในอิสราเอล และรายงานข่าวดังกล่าวก็ได้รับการเผยแพร่ในช่วงเวลาที่มีผู้ชมมากที่สุด ซึ่งได้รายงานว่า ไทยเข้าใจถึงมาตรการที่อิสราเอลออกมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค อย่างไรก็ดีไทยมีข้อห่วงกังวลเพราะประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างยิ่งกับแรงงานไทยที่กำลังจะเดินทางมาทำงานในภาคการเกษตรของอิสราเอล
น.ส.พรรณนภา กล่าวอีกว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่มีคนงานไทยมาทำงานประมาณ 24,000 คน และแรงงานไทยส่งเงินกลับบ้านโดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 25,000 บาท นั่นหมายความว่าหากแรงงานไทยไม่สามารถเข้ามาทำงานในอิสราเอลเราจะสูญเสียเงินเข้าประเทศถึง 600 ล้านบาท ซึ่งเท่าที่ทราบมีแรงงานไทยอย่างน้อย 50 คนที่กำลังจะเดินทางไปทำงานในอิสราเอลต้องหยุดการเดินทาง เพราะในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของอิสราเอล จะปฏิเสธการเข้าเมืองทั้งทางอากาศ ทางเรือและทางบกต่อบุคคลทุกสัญชาติที่เคยเดินทางไปไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเก๊าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ยกเว้นผู้ถือสัญชาติหรือ มีถิ่นพำนักใน อิสราเอล โดยเป็นการดำเนินการตามแนะนำของรัฐมนตรีสาธารณสุขอิสราเอล เพิ่มเติมจากประกาศปฏิเสธการเข้าเมืองของผู้ที่เดินทางมาจากจีนก่อนหน้านี้
เอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวอิสราเอลมิได้มุ่งเน้นคนไทย แต่หมายรวมถึงคนทุกสัญชาติที่เคยพำนักในไทย สิงคโปร์ มาเก๊า และฮ่องกง 14 วันก่อนหน้าที่จะเดินทางจะถูกห้ามเข้าอิสราเอล นอกจากนี้ ประเทศไทยเองก็เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่สำคัญของคนอิสราเอล โดยมีคนอิสราเอลไปท่องเที่ยวไทยถึงปีละประมาณ 190,000 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 8.7 ล้านคน และส่วนใหญ่พำนักในไทยเฉลี่ยประมาณ 17 วัน เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่สร้างรายได้แก่ไทยเป็นอย่างดี การประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลส่งผลให้นักท่องเที่ยวอิสราเอลเองต้องยกเลิกการเดินทางไปประเทศไทยเช่นกัน ซึ่งทางสถานทูตจะได้เร่งสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลปรับเปลี่ยนคำประกาศโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย