จีนยังเป็นโอกาสและเป็นที่พึ่งพาได้ของไทยและอาเซียน

ปักกิ่ง 25 มิ.ย. – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เผยจีนยังเป็นโอกาสและเป็นหุ้นส่วนที่พึ่งพาได้ของไทยและอาเซียน รวมทั้งย้ำจุดยืนที่ว่า นานาประเทศต้องเคารพในอธิปไตยและสิทธิของจีนในการที่จะพัฒนาตนเอง ในการพบหารือกันของคณะอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง กับ นายหลิว เจี้ยนเชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กรุงปักกิ่ง วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นายหลิว เจี้ยนเชา ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะในช่วงที่โลกเกิดวิกฤตปัญหา เช่น สถานการณ์โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ ซาร์ส (SARS) ซึ่งทั้งไทยและจีนร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในระดับภูมิภาคได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อหาทางรับมือกับวิกฤตโรคระบาด รวมถึงการช่วยเหลือกันในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกหลายวาระ เช่น โรคระบาดโควิด-19 และภัยพิบัติอื่น ๆ นายหลิวกล่าวว่านอกจากความร่วมมือในระดับภาครัฐแล้ว กระทรวงวิเทศสัมพันธ์ฯ ก็ประสงค์จะเพิ่มความร่วมมือกันหน่วยงานระดับคลังสมอง และพรรคการเมืองต่าง ๆ ของไทยเพื่อประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและในระดับภูมิภาค เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งต่างกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ ดังนั้น จีนและประเทศกำลังพัฒนาจึงควรร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจระหว่างกันได้ว่า จะธำรงรักษาความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปตามครรลองเดิม ส่วนท่าทีและจุดยืนของจีนนัั้นยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม คือ ยึดมั่นในอธิปไตยและสิทธิในอาณาเขตแดน,​ยึดมั่นในการรักษาสันติภาพ ยึดมั่นในกรอบการเจรจาความร่วมมือทั้ง กรอบเขตการค้าเสรี หรือ […]

อดีตทูตไทย-จีน เผยมุมมองความสัมพันธ์

ปักกิ่ง 24 มิ.ย. – 9 อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ร่วมกับอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เผยมุมมองความสัมพันธ์ไทย-จีน จากอดีตถึงอนาคต ตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก ในเวทีการเสวนาหัวข้อ “มิตรภาพไทย-จีน : ประสบการณ์และแรงบันดาลใจ” ซึ่งจัดโดยสถาบันการต่างประเทศ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่กรุงปักกิ่ง เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นกันระหว่างเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และนักวิชาการด้านการต่างประเทศของจีน กับคณะอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำ​กรุงปักกิ่ง ซึ่งประกอบด้วย นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง พ.ศ. ​2529-2533 นายดอน ปรมัตถ์วินัย นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย นายธีรกุล นิยม นายรัฐกิจ มานะทัต นายเปี่ยมศักดิ์ มิลินทจินดา นายวิบูลย์ คูสกุล นายพิริยะ เข็มพล และนายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร รวมทั้งนายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งคนปัจจุบัน อดีตเอกอัครราชทูตเตช บุนนาค […]

Israeli Ambassador gives interview

ทูตอิสราเอลย้ำเหตุผลที่ต้องเปิดปฏิบัติการต่ออิหร่าน

กรุงเทพฯ 23 มิ.ย. – เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ย้ำเหตุผลที่อิสราเอลต้องเปิดฉากปฏิบัติการต่ออิหร่าน และยืนยันว่าอิสราเอลให้การดูแลชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทย เช่นเดียวกับที่ดูแลชาวอิสราเอล นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวไทยในวันนี้ ชี้แจงสาเหตุที่อิสราเอลต้องใช้ปฏิบัติการสิงโตผงาดต่ออิหร่านตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนว่า อิสราเอลต้องดำเนินการตอนนี้ เพราะอิหร่านเป็นภัยที่ใกล้จะเกิดขึ้นไม่เพียงกับอิสราเอล แต่กับโลก อิหร่านเพิ่มศักยภาพนิวเคลียร์ โดยอ้างว่าเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและเป็นไปเพื่อสันติ แต่การกระทำของอิหร่านสวนทางกับคำพูด อิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้มีความบริสุทธิถึง 60% ซึ่งไม่ใช่สำหรับการใช้งานทางพลเรือน แต่เพื่อทำอาวุธนิวเคลียร์ เชื่อว่าอิหร่านจะสามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ 9 ลูกภายใน 6 เดือน อิหร่านเลือกเปิดเจรจากับสหรัฐก็เพื่อต้องการซื้อเวลาในการเพิ่มปริมาณยูเรเนียมและเพิ่มขีปนาวุธทิ้งตัวที่อิหร่านตั้งเป้าจะมีมากถึง 10,000 ลูกภายในไม่กี่ปี แม้อิสราเอลมีระบบป้องกันภัยหลายชั้น แต่ก็ไม่สามารถรับมือกับขีปนาวุธจำนวนมากที่จะมาพร้อมกันเช่นนั้นได้ นอกจากนี้ผู้นำอิหร่านยังเรียกร้องอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะเรื่องทำลายหรือกำจัดอิสราเอล อิสราเอลฟังในสิ่งที่ศัตรูพูดและเชื่อว่าศัตรูมีศักยภาพที่จะทำเช่นนั้น อีกทั้งอิหร่านยังได้สร้างวงแหวนแห่งไฟรอบอิสราเอลผ่านกลุ่มตัวแทน ทั้งฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กองกำลังชีอะห์ในซีเรียและอิรัก และฮูตีในเยเมน เอกอัครราชทูตอิสราเอลฯ กล่าวว่า อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการนี้เพราะมีเป้าหมายบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ คือ การกำจัดภัยคุกคาม เนื่องจากอิหร่านสั่งสมขีปนาวุธจำนวนมากและยังมีศักยภาพที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ อิสราเอลไม่ต้องการสงคราม แต่เป็นปฏิบัติการอย่างจำกัด เมื่อบรรลุเป้าหมายปฏิบัติการก็จะจบ แต่ต้องรอดูท่าทีของอิหร่านต่อไปด้วย เพราะตอนนี้อิหร่านยังคงยิงถล่มเมืองในอิสราเอลอยู่ และโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน อย่างไรก็ตาม […]

Cambodia's Foreign Minister, Prak Sokhonn

กัมพูชาเชิญทูตฟังชี้แจงสถานการณ์ชายแดน

พนมเปญ 17 มิ.ย.- นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาเชิญเอกอัครราชทูตจากหลายประเทศฟังการชี้แจงเรื่องสถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย นายปรักกล่าวในการชี้แจงที่กระทรวงฯ ในเช้าวันนี้ว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมกองทัพไทยได้รุกล้ำดินแดนกัมพูชาบริเวณสามเหลี่ยมมรกต ทหารไทยเปิดฉากยิงใส่ทหารกัมพูชา สังหารทหาร 1 นายในกองกำลังที่ปกป้องบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา หลังจากเหตุการณ์นั้น ฝ่ายไทยได้กล่าวหากัมพูชาว่าเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และจากการที่ไทยดำเนินมาตรการแต่ฝ่ายเดียวในเวลาต่อมา ความสัมพันธ์ของกัมพูชาและไทยและสถานการณ์บริเวณชายแดนจึงได้ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น มาตรการและการกระทำของไทยได้ละเมิดและคุกคามกัมพูชา มีทั้งการลดชั่วโมงเปิดปิดประตูด่านแต่ฝ่ายเดียว ขู่จะตัดอินเทอร์เน็ต และระงับการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่กัมพูชา นายปรักกล่าวว่า แม้กัมพูชาไม่ต้องการให้ความตึงเครียดลุกลามจากการทหารไปยังภาคส่วนอื่น ๆ รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้ดำเนินมาตรการทั้งทางการทหาร การทูต กฎหมาย และการบริหาร ด้วยการปิดจุดผ่านแดนกัมพูชา-ไทย ระงับการซื้ออินเทอร์เน็ตจากไทย ระงับการฉายภาพยนตร์ไทย และใช้มาตรการเตรียมพร้อมอื่นๆ  เพื่อปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศ รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวด้วยว่า กัมพูชาเพียงแค่ต้องการความยุติธรรม ความถูกต้อง และความชัดเจนในการปักปันเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่ได้ไม่มีปัญหาที่ไม่มีวันจบต่อกัน กัมพูชาไม่ต้องการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนของประเทศอื่นแม้เพียงมิลลิเมตรเดียว แต่ก็จะไม่ให้ใครเข้ามายึดดินแดนแม้แต่มิลลิเมตรเดียวด้วยเช่นกัน.-814.สำนักข่าวไทย

กต. เชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลก ทำความเข้าใจชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 16 มิ.ย.-กต. เชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกประจำประเทศไทย ทำความเข้าใจเหตุการณ์ชายแดน “ไทย-กัมพูชา” ยันเป็นไปตามหลักสากล ด้าน “กัมพูชา” ส่ง “อุปทูต” ร่วมฟังด้วย กระทรวงการต่างประเทศ เชิญคณะทูต ผู้แทนประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากคณะทูตจำนวนมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้ลงทะเบียน จำนวน 80 คน จาก 40 สถานทูต ได้แก่ ระดับเอกอัครราชทูต 11 คน ประกอบด้วย ฟินแลนด์, อินเดีย, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, มัลดีฟส์, ติมอร์เลสเต, เมียนมา, เปรู และอียิปต์ ระดับอุปทูต ประกอบด้วย ออสเตรีย, เนปาล, ปากีสถาน, เช็ก, นิวซีแลนด์, ชิลี, นอร์เวย์, อาร์เจนตินา และกัมพูชา และผู้แทนระดับอื่น การบรรยายต่อคณะทูตในครั้งนี้ นำโดยนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ […]

“มาริษ” ประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย

กทม. 9 มิ.ย.-“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ ประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย ผลักดันผลประโยชน์ไทยให้ตอบโจทย์ความท้าทายโลก สร้างรายได้ประชาชนทั่วถึง ย้ำ “ทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” ดันเครื่องยนต์ เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมใหม่รับเทรนโลก วันนี้ (9 มิ.ย.) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2568 เพื่อร่วมกันกําหนดทิศทาง และแนวทางขับเคลื่อนนโยบายการต่างประเทศในบริบทโลก ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ในหัวข้อการประชุม “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ” ว่า การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่ โลกอยู่ในจุดเปลี่ยน (Turning point) ที่สำคัญ โดยเฉพาะโครงสร้างอำนาจและระเบียบโลก แบบหลายขั้วอำนาจ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ อาจเห็นความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเดิม กับมหาอำนาจใหม่ๆ ท้าทายโลกกลับสู่ภาวะไร้เสถียรภาพ ประเทศต่าง ๆ ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ภาวะนี้ มักนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดความขัดแย้งทางทหารในวงกว้าง ดังนั้น จึงขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ร่วมกันมอง และประเมิน ผลกระทบในภาพใหญ่ และระยะยาวให้กว้างกว่าการรับมือกับมาตรการตอบโต้ทางภาษีในปัจจุบัน และร่วมกันปรับเป้าหมายและกลยุทธ์ การดำเนินนโยบายต่างประเทศให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับบริบทโลกปัจจุบัน เพื่อขับเคลื่อนการต่างประเทศ นำพาประเทศไทยไปอยู่ในตำแหน่งจุดยืนที่จะสามารถแสวงหาประโยชน์สูงสุด […]

นายกฯ มอบนโยบายทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ทำงานเชิงรุก

ทำเนียบ 9 มิ.ย.-นายกฯ มอบนโยบายเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ขอทำงานเชิงรุกต่อยอดจุดแข็งของไทยพร้อมแสวงหาโอกาส ภายใต้ความท้าทาย เร่งส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมโลก นำผลประโยชน์ ด้านเศรษฐกิจและการค้าขายให้ประเทศและประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายผ่านบันทึกวีดิทัศน์ ในพิธีเปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจําปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ” โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต่อการจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกในครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ในฐานะด่านหน้าของประเทศไทยในประชาคมโลก โดยการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจัดทำแผนการดำเนินงานขับเคลื่อนประเทศไทยร่วมกัน ภายใต้หัวข้อการประชุมซึ่งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทุกคน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบริบทโลกในปัจจุบันที่กำลังปรับสู่โครงสร้างโลกหลายขั้วอำนาจ (Multipolar World) โดยระบบพหุภาคีกำลังเสื่อมถอยลง และการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสงครามการค้าและเทคโนโลยี การแย่งชิงทรัพยากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ เศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบถึงไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เกิดคำถามสำคัญคือไทยจะวางยุทธศาสตร์อย่างไร ในบริบทการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและมีความท้าทายอย่างรอบด้านนี้ เพื่อให้ไทยและประชาชนชาวไทยได้ประโยชน์สูงสุด ภายใต้โครงสร้างอำนาจและระเบียบโลกใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ 2 ประเด็นสำคัญ ภายใต้บริบทปัจจุบัน ได้แก่ 1) การเสริมสร้างและต่อยอดจุดแข็งของประเทศ และ 2) การแสวงหาและช่วงชิงโอกาสใหม่ ๆ ภายใต้ความท้าทายได้อย่างฉับไวทันท่วงที โดยไทยมีจุดยืนทางการทูตที่ชัดเจนคือ ความเป็นมิตรและเข้าได้กับทุกฝ่าย […]

George Glass new U.S. Ambassador to Japan

ทูตสหรัฐคนใหม่ย้ำญี่ปุ่น-สหรัฐต้องปรับกองกำลังกันรับมือจีน

โตเกียว 18 เม.ย.- นายจอร์จ กลาสส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำญี่ปุ่นคนใหม่ย้ำว่า สหรัฐและญี่ปุ่นจำเป็นต้องปรับกองกำลังกลาโหมของแต่ละประเทศให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน ในยามที่จีนมีท่าทีที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น นายกลาสส์ ซึ่งเกิดในปี 2503 ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำญี่ปุ่นคนที่ 32 โดยเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำโปรตุเกสระหว่างปี 2560-2564 ในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียวหรือท่าอากาศยานฮาเนดะในวันนี้ว่า รองประธานาธิบดีเจ ดี แวนซ์กล่าวขณะทำพิธีสาบานตนให้เขาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เขาและภรรยากำลังจะไปรับหน้าที่ในญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของสหรัฐ ในภูมิภาคที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก และในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด นายกลาสส์กล่าวว่า สหรัฐอยู่เคียงข้างญี่ปุ่นซึ่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนบ้านที่แข็งกร้าวอย่างยิ่ง ทั้งรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ทั้ง 2 ประเทศจึงต้องทำงานร่วมกันในการปรับกองกำลังกลาโหมให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และจำเป็นต้องผลักดันประเทศอย่างจีนให้ถอยกลับไป เขากล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของพลเรือนอเมริกันและญี่ปุ่น และเรื่องการสร้างหลักประกันว่ากองทัพมีสิ่งสนับสนุนทุกอย่างในการรับมือกับภัยคุกคามจากจีน นายกลาสส์เคยกล่าวในการซักถามเพื่อรับรองการดำรงตำแหน่งโดยวุฒิสภาสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคมว่า เขาจะกดดันให้ญี่ปุ่นออกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นให้แก่กำลังพลสหรัฐที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกำลังพลในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้รวมเรื่องนี้ไว้ในการเจรจาการค้าเรื่องภาษีกับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นต้องการให้แยกประเด็นนี้ออกจากเรื่องการค้า.-814.สำนักข่าวไทย

China Ambassador to Thailand

เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผยจีนไม่ประสงค์จะทำสงครามภาษี

กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – นายหาน จื้อเฉียง  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย เผยทัศนะต่อประเด็นสงครามภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่า การแบ่งงานกันทำ และการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก จากกรณีที่การเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ เป็นที่จับตามองของทั่วโลก และมีผู้สอบถามอย่างกว้างขวางว่าจีนมองประเด็นนี้อย่างไร และจะรับมือต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไรนั้น นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย ได้เผยแพร่บทความมีใจความว่า การค้าระหว่างประเทศตั้งอยู่บนพื้นฐานของทรัพยากรและข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การค้าขายโดยสมัครใจและเพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น บริษัทอเมริกันเลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์ เพื่อนำกลับไปขายในสหรัฐฯ ก็เป็นเพราะไทยมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า แต่หากจะมองว่าไทยเกินดุลการค้าสหรัฐด้วยการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม สมควรที่สหรัฐต้องเรียกเก็บภาษีเพิ่ม ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะในทางกลับกันสหรัฐฯ เองก็ได้ดุลในภาคการค้าบริการกับคู่ค้าทั่วโลกอย่างมหาศาล ดังจะเห็นได้จากสถิติใน พ.ศ. 2567 ซึ่งสหรัฐ มียอดเกินดุลการค้าและบริการกับคู่ค้านานาประเทศ มากถึง 295,200 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 9.8 ล้านล้านบาท  ดังนั้น การขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ จึงไม่สอดคล้องกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังระบุว่า การแบ่งงานกันทำและการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ […]

Israel's UN Ambassador says Gaza war won't stop until hostages are released

ทูตอิสราเอลประกาศ “จะไม่ปรานี” ศัตรู

ไม่ระบุสถานที่ 18 มี.ค. – เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศว่า อิสราเอลจะไม่แสดงความปรานีต่อศัตรู หลังจากที่กองทัพฟื้นการโจมตีกาซาครั้งใหญ่ในช่วงเช้าตรู่วันนี้ นายแดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็นกล่าวในคลิปที่บันทึกจากสถานที่ที่ไม่เปิดเผย และมีการเผยแพร่ในวันนี้ว่า กองทัพอากาศอิสราเอลได้เริ่มการโจมตีหลายระลอกต่อเป้าหมายที่เป็นกลุ่มฮามาสในกาซา อิสราเอลจะไม่แสดงความปรานีต่อศัตรู ขอย้ำว่าอิสราเอลจะไม่หยุดจนกว่าตัวประกันทุกคนจะได้กลับบ้าน และจะทำให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) ทราบอย่างชัดเจนว่า หากต้องการยุติสงครามในกาซา ยูเอ็นเอสซีจะต้องให้หลักประกันว่า ตัวประกันจะได้กลับอิสราเอล อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศทั่วฉนวนกาซาตั้งแต่เหนือจดใต้ช่วงเช้าตรู่วันนี้ หลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มฮามาสมาหลายสัปดาห์เรื่องการขยายข้อตกลงหยุดยิงที่เริ่มระยะแรกเมื่อวันที่ 19 มกราคม กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์แจ้งว่า มีคนถูกสังหารอย่างน้อย 200 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก กองทัพอิสราเอลเปิดเผยด้วยว่า อาจจะขยายปฏิบัติการให้มากไปกว่าการโจมตีทางอากาศ ส่งสัญญาณว่าอิสราเอลอาจส่งกำลังพลภาคพื้นดินบุกกาซาอีกครั้ง.-814.-สำนักข่าวไทย

US expels South Africa's ambassador, calls him 'race-baiting' America hater

สหรัฐขับเอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้

วอชิงตัน 15 มี.ค.- นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศแจ้งว่า สหรัฐได้ขับเอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ประจำสหรัฐแล้ว เนื่องจากเกลียดชังสหรัฐและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้แถลงว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ นายรูบิโอโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เอกอัครรราชทูตแอฟริกาใต้ประจำสหรัฐไม่เป็นที่ต้อนรับในประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป รัฐบาลไม่มีสิ่งใดที่จะหารือด้วย จึงถือว่าเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา (PERSONA NON GRATA) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้นำบทความจากไบรต์บาร์ต (Breitbart) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฝ่ายขวามาโพสต์ซ้ำหรือรีโพสต์ เนื้อหาในบทความอ้างถ้อยคำที่นายเอบราฮิม ราซูล เอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ประจำสหรัฐกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า นายทรัมป์กำลังเป็นแกนนำขบวนการที่เชื่อว่าคนขาวเหนือกว่าคนสีผิวอื่น ด้านทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีได้รับทราบเรื่องการขับนายราซูลที่น่าเสียใจ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายคงไว้ซึ่งมารยาททางการทูตในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ และว่าแอฟริกาใต้ยังคงยึดมั่นต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับสหรัฐ นายราซูล วัย 62 ปี เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ประจำสหรัฐช่วงปี 2553-2558 และเพิ่งกลับดำรงตำแหน่งนี้อีกครั้งเมื่อวันที่ 13 มกราคมปีนี้ในขณะที่นายโจ ไบเดน ยังดำรงประธานาธิบดีสหรัฐ เซมาฟอร์ (Semafor) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในสหรัฐรายงานเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า นายราซูลถูกปฏิเสธการพบหารือตามปกติกับเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐและสมาชิกคนสำคัญของพรรครีพับลิกันนับตั้งแต่นายทรัมป์รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม รายงานอ้างนักการทูตชาวแอฟริกาใต้ว่า เหตุผลน่าจะมาจากการที่นายราซูลมีทัศนะสนับสนุนปาเลสไตน์และวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล.-814.-สำนักข่าวไทย

Vietnamese Prime Minister Pham Minh Chinh

เวียดนามพร้อมทบทวนภาษีเพื่อเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐ

ฮานอย 14 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ของเวียดนามแจ้งกับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามว่า เวียดนามกำลังพิจารณาทบทวนภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐ เพื่อส่งเสริมการนำเข้าสินค้าที่เวียดนามต้องการ เว็บท่าของรัฐบาลเวียดนามรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฝ่ามได้กล่าวระหว่างพบกับนายมาร์ก แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามเมื่อวานนี้ว่า กระทรวง หน่วยงาน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งพิจารณาทบทวนภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เพื่อส่งเสริมการเพิ่มการนำเข้าสินค้าสำคัญของสหรัฐที่เวียดนามต้องการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี (LGN) และสินค้าไฮเทค ขณะเดียวกันนายเหวียน ห่ง เดียน รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้แจ้งเนื้อหาลักษณะเดียวกันนี้กับนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันอยู่ในขณะนี้ เว็บไซต์กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามเผยแพร่แถลงการณ์ในวันนี้ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือหนทางที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจผ่านการทบทวนและพิจารณาอย่างแข็งขันเรื่องขจัดอุปสรรคทางการค้า เจ้าหน้าที่เวียดนามย้ำมาโดยตลอดว่า พร้อมทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐเรื่องลดดุลการค้าที่ไม่สมดุลและอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจของสหรัฐในเวียดนาม รวมถึงการรับปากจะเร่งกระบวนการออกใบอนุญาตให้แก่การให้บริการสตาร์ลิงก์ของนายอีลอน มัสก์ เวียดนามซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตด้านอุตสาหกรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐอย่างมาก โดยครองสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ และได้ดุลการค้าสหรัฐมากถึง 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 ล้านล้านบาท) ในปี 2567.-814.-สำนักข่าวไทย  

1 2 3 7
...