กรุงเทพฯ 11 ก.พ. – หุ้นไทยปิดลบ 11.31 จุด สวนทางภูมิภาค ไร้ปัจจัยใหม่หนุน กังวลเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ แรงขายหุ้นแบงก์กดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดวันนี้ (11 ก.พ.) ที่ระดับ 1,523.93 จุด ลดลง 11.31 จุด หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 52,619.14 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ ทำระดับสูงสุด 1,539.43 จุด และต่ำสุด 1,522.97 จุด
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยมีทิศทางไม่ค่อยดี แม้ Sentiment ต่างประเทศไม่ได้แย่ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับสวนทางภูมิภาคอย่างชัดเจน จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะชะลอตัวกว่าที่คาด ท่ามกลางแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และปัจจัยบวกจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ปลดล็อกจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว หากสามารถผ่านการลงมติของสภาฯ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ใน 1-2 สัปดาห์ คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมีนาคม
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงสวนทางตลาดภูมิภาค เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่หนุน หลังจากสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับตัวขึ้นมาพอสมควรจากคาดว่าความรุนแรงของสถานการณ์ไวรัสโคโรนาเริ่มลดลง และกรณีการปลดล็อกร่างกฎหมายงบประมาณปี 2563 ของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ตลาดมีความกังวลต่อภาพการอ่อนแอของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 4/2562 ทยอยออกมาในช่วงนี้ และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 ของไทยที่จะประกาศสัปดาห์หน้า
สำหรับแรงขายหุ้นที่มีออกมากดดันดัชนีวันนี้อยู่ในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันกังวลต่อราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และค่าการกลั่นที่ยังไม่ได้อยู่ในระดับปกติมากนัก แม้ช่วงนี้ค่าการกลั่นจะขยับขึ้นก็ตาม รวมถึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์จากความกังวลต่องบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้าและทิศทางดอกเบี้ยระดับต่ำ อีกทั้งยังมีประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับแนวทางการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมของสถาบันการเงินช่วงไตรมาส 3/2563 ทำให้เป็นแรงกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์
ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,003.88 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 18.77 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 548.02 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 437.09 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย