สุวรรณภูมิยกระดับมาตรการรักษาสะอาดขนส่งสาธารณะ

กรุงเทพฯ 3 ก.พ. – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยกระดับมาตรการรักษาความสะอาดรถขนส่งสาธารณะ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ 


นายกิตติพงศ์  กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ


เบื้องต้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท อาทิ รถลีมูซีน รถเช่า รถเเท็กซี่ รถโดยสาร ขสมก. และรถ Shuttle Bus ให้ใส่ใจในด้านการรักษาความสะอาดของรถโดยสาร รวมถึงพื้นที่เคาน์เตอร์จุดให้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทภายใน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว เนื่องจากผู้ขับขี่รถและผู้ให้บริการการขนส่งสาธารณะถือว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดผู้โดยสารมากที่สุด จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่และรับโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ความสำคัญกับการดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด  โดยกำหนดมาตรการทำความสะอาด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคอย่างเต็มพิกัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการ เช่น เน้นย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานสวมหน้ากากขณะปฏิบัติงานตลอดเวลา พร้อมแจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่ผู้ขับขี่ รถขนส่งสาธารณะและผู้ใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี ติดตั้งขวดเจลล้างมือแอลกอฮอล์บริเวณจุดเคาน์เตอร์ให้บริการรถโดยสารสาธารณะ แจกจ่ายน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับทำความสะอาดภายในรถขนส่งสาธารณะ รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดรถโดยสารสาธารณะโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดภายในห้องโดยสาร เบาะนั่ง ที่จับประตูรถ ฯลฯ  นอกจากนี้ สนับสนุนอุปกรณ์ทำความสะอาด อาทิ ผ้าเช็ดรถ ถุงมือ และน้ำยาฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งแจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถลีมูซีน และรถ Shuttle bus ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  เพื่อเป็นการป้องกันอีกด้วย

นายกิตติพงศ์ กล่าวย้ำว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความห่วงใยในสุขอนามัยของผู้ใช้บริการ โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความสะอาดทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก โดยให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดตามจุดต่าง ๆ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาด อาทิ ภายในห้องน้ำ รถเข็นกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เคาน์เตอร์ให้บริการสายการบิน เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ รวมถึงเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน ราวบันได พื้นที่พักคอย เป็นต้น นอกจากนี้  ติดตั้งเครื่องจ่ายแอลกอฮอล์เจลล้างมือบริเวณทางออกประตูเทียบเครื่องบินขาเข้าทุกประตูและพื้นที่อื่น ๆ ที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว