กรุงเทพฯ 29 ม.ค. – ดับบลิวเอชเอกรุ๊ปเผยผลประกอบการปี 62 โต 22% ตั้งเป้าปี 63 โตลดลงเหลือ 15% หลังเศรษฐกิจไทยและโลกยังเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะที่การระบาดของไวรัสโคโรนา ยอมรับกระทบการทำสัญญากับนักลงทุนจีนอาจล่าช้า 1-2 เดือน แต่จะไม่กระทบกับภาพรวมของธุรกิจทั้งปี
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ยอมรับการระบาดของไวรัสโคโรนาอาจกระทบให้การทำสัญญาเข้าลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ล่าช้าออกไป 1-2 เดือน เนื่องจากการประกาศปิดเมือง แต่จะไม่กระทบต่อภาพรวมธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งปี 2563 ที่ตั้งเป้าหมายรายได้และกำไรโต 15% และอัตราผลกำไร EBITDA ที่ 40% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ประเมินในที่ประชุมบอร์ดเมื่อปลายปี 2562 เนื่องจากหลังเปิดปี 2563 พบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและไทยเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น ทั้งความตึงเครียดด้านการค้าโลก การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ถือว่าส่งผลดีกับไทย เพราะนักลงทุนจีนหันมาสนใจลงทุนในไทยมากขึ้น สะท้อนจากปี 2562 นักลงทุนจากจีนและฮ่องกงเข้ามาซื้อที่ดินในพื้นที่ของ WHA สูงขึ้น หรือคิดเป็น 60% ของยอดขายที่ดินปี 2562
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจปี 2563 WHA ยังเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายขายที่ดิน 1,400 ไร่ และการสร้างโครงการใหม่ ๆ การพัฒาบล็อกเชนภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม การขยายการลงทุนในเวียดนาม รวมทั้งผลักดันยอดเช่าพื้นที่โลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอีก 250,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนในช่วงปี 2563 – 2567 ที่ 52,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนไม่เกิน 1 เท่า นอกจากนี้ ปีนี้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีแผนจะขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีกประมาณ 150,000 ตารางเมตร และมีแผนออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนมีนาคมอีกประมาณกว่า 7,500 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2562 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป โต 22% โดยมีผลประกอบการและส่วนแบ่งกำไรทั้งปีอยู่ที่ 13,500 ล้านบาท และมูลค่าสินทรัพย์รวม 82,000 ล้านบาท โดยกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 4 กองทุนของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 45% ต่อปี ทำให้สิ้นปี 2562 มีมูลค่า 55,400 ล้านบาท โดยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธ์การเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยมโกรท (WHART) มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 77% และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 30% .- สำนักข่าวไทย