กรุงเทพฯ 22 ม.ค. – แบงก์เข้มงวดสินเชื่อฉุดยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ธ.ค.ลดลง 21.4 % ปี 63 ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือนธันวาคม 2562 มียอดขายรถยนต์ในประเทศ 89,285 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 21.4 เพราะการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอุมัติสินเชื่อรถยนต์ ประกอบกับเป็นช่วงเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งอีโคคาร์หลายบริษัทและเปลี่ยนรุ่นรถกระบะบางบริษัท แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2562 ร้อยละ 12.6 โดยมียอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์เดือนธันวาคม 2562 รวม 37,489 คัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2562 รถยนต์มียอดขายสะสมรวม 1,007,552 คัน ลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 3.3 แต่ยอดขายยังทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปี 2562 จะมียอดขาย 1 ล้านคัน โดยทำได้มากกว่าเป้าหมาย 7,552 คัน ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขายรวม 1,718,587 คัน ลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 3.9
ส่วนยอดผลิตรถยนต์เดือนธันวาคม 2562 มีการผลิตรวม 134,208 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 20.75 จากการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อส่งออกที่ลดลงร้อยละ 32.96 และร้อยละ 15.35 ตามลำดับ สำหรับยอดผลิตรถยนต์รวมตลอดปี 2562 ผลิตได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะผลิตได้ 2 ล้านคัน โดยสามารถผลิตได้จริง 2.013 ล้านคัน เนื่องจากเดือนธันวาคม 2562 มีการผลิตรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ 2 ได้ทันตามข้อตกลงตามเงื่อนไขการขอรับส่งเสริมการลงทุนที่ได้ทำไว้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ แต่ยอดผลิตปี 2562 ลดลงจากปีก่อนหน้าคิดเป็นร้อยละ 7.1
ขณะที่การส่งออกรถยนต์เดือนธันวาคม 2562 มียอดส่งออกรวม 72,265 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ร้อยละ 24.26 การส่งออกลดลงทุกตลาด ยกเว้นตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ส่งออกชะลอตัวลงจากสงครามการค้า ส่วนยอดส่งอออกรถยนต์ตลอดปี 2562 มียอดส่งออกรวม 1,054,103 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 7.59 แต่การส่งออกยังทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 ล้านคัน โดยส่งออกสูงกว่าเป้า 54,103 คัน มูลค่าส่งออกทำได้รวม 545,967.56 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 8.21
ส่วนเป้าหมายการผลิตปี 2563 ตั้งไว้ที่ 2 ล้านคันเท่าปี 2562 เนื่องจากยังไม่มั่นใจสถานการณ์สงครามการค้าจะขยายไปได้สหภาพยุโรปหรือไม่ อีกทั้งค่าเงินบาทที่ยังคงเป็นอีกปัจจัยที่กังวล ประกอบกับผู้ผลิตรถยนต์บางค่ายมีการดึงรถส่งออกรถยนต์บางรุ่นไปผลิตที่ญี่ปุ่นหรือส่งออกฐานการผลิตจากประเทศอื่นแทนฐานการผลิตในไทย เพราะได้ราคาดีกว่าส่งออกจากประเทศไทย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการร่วมมือแก้ไขปัญหา P.M.2.5 ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมดจะประชุมร่วมกันว่าจะมีแนวทางใดช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้บ้าง ส่วนหนึ่งจะช่วยเหลือได้คือกรณีรถยนต์เก่า หากเข้ามาตรวจท่อไอเสียและเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์จะไม่คิดค่าบริการ แต่คิดค่าอะไหล่ และค่าน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ที่ได้ราคาพิเศษจากโรงกลั่นและผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่น โดยตั้งเป้าจะทำได้ทุกค่ายรถยนต์ คาดว่าจะสามารถให้บริการได้มากกกว่า 1,000 คันต่อวัน สำหรับค่าบริการตรวจเช็คไม่คิด แต่ค่าอะไหล่จำเป็นต้องเปลี่ยนจะมีส่วนลดพิเศษกว่าปกติ 10-25% หรือมากกว่านี้ รวมถึงรถยนต์ที่ไม่ยอมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องโดยเฉพาะรถสาธารณะ ได้เจรจากับผู้ค้าน้ำมันช่วยขายน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ราคาถูกให้แล้ว.-สำนักข่าวไทย